เมื่อผู้ใหญ่ห่วงใยเด็กจริงใจ หรือ จิงโจ้
จิตสำนึกชุมชน ประการหนึ่งที่ ถูกยอมรับจากคนส่วนใหญ่คือ”ความรู้สึกที่ว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ยังปกป้องและคอยเอาใส่ต่อเด็กและเยาวชนให้ปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ ที่จะมาทำลายอนาคตของเด็กไทย” คนในสังคมจึงมักจะได้เห็นโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลเอาใจใส่ต่อเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่า ทั้งๆ ที่ผู้ใหญ่เอาใจใส่ถึงขนาดนี้ แล้วทำไมปัญหาของเด็กไทยจึงมีเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาที่เห็นกันชัดๆ และใกล้ตัวมากที่สุดคือ การมั่วสุม และลุ่มหลงที่เด็กและเยาวชนไทยคลั่งไคล้ใหลหลงและมัวเมาอยู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่มิได้ขาด
ล่าสุด เมื่อวันเด็กที่เพิ่งจะผ่านมา มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมจัดเสวนา “อนาคตลูกหลานไทย เมื่อผู้ใหญ่ขายเหล้าให้เด็ก” ภายในงานได้มีการเปิดเผยภาพวีดีโอ พฤติกรรมของผับบาร์ ร้านค้าที่ทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการและซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
นายมานะ ลำพันธ์ แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 6-8 ม.ค. 2555 ที่ผ่านมาทางเครือข่ายเยาวชนฯ ได้ลงพื้นที่รอบสถาบันการศึกษา เพื่อสำรวจสถานบันเทิง และร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทั้งหมด 65 ร้าน ใน 11 พื้นที่ ได้แก่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มรภ.สวนดุสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีมหาวิทยาลัยกรุงเทพมรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยามรภ.จันทรเกษมมรภ.สวนสุนันทาและวิทยาลัยราชพฤกษ์จากผลสำรวจพบว่า ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 100%ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
ผับบาร์-ร้านเหล้า ปล่อยเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ100%ไม่ต้องโชว์บัตร กินดื่มมั่วสุมเพียบ สะท้อนกฎหมายล้มเหลวว่ากฎหมายไม่ถูกบังคับใช้ และในวันนี้เองที่ “มูลนิธิเพื่อนเยาวชน”ร้องขอวิงวอนให้รัฐบาลจริงใจกับการแก้ปัญหา ซึ่งมีตัวเลขจาก”ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา” ตอกย้ำยืนยันว่า หากผู้ใหญ่คุมเข้มมาตรการขายสุราให้ตรงกับอายุของเด็กและเยาวชน จะช่วยลดการขายน้ำเมาได้เกือบครึ่งทีเดียว
แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ยังบอกให้ทราบอีกว่า จากข้อมูลยังพบว่า มีการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาทิ เหล้าปั่น เบียร์ ให้กับเด็ก ทั้งที่แต่งเครื่องแบบนักเรียน นิสิต นักศึกษา ขณะที่บางร้านมีสาวเชียร์เบียร์ที่อายุเพียง17 ปี และมีการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถมตั้งชื่อร้านเพื่อดึงดูดลูกค้า บางร้านแม้จะมีป้ายห้ามเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้า แต่กลับปล่อยให้เข้าไม่มีการตรวจบัตร ทั้งนี้แม้บางร้านจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจ แต่กลับพบว่าไม่มีการตรวจบัตรผู้ที่เข้ามาใช้บริการ จึงสะท้อนให้เห็นว่ากฎหมายที่มีอยู่ขาดการบังคับใช้ ทั้งที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังทำลายอนาคตของเด็กเยาวชนไทยเพิ่มขึ้นทุกวัน
อีกเสียงหนึ่ง เป็นของ นายสุเทพ สดชื่น ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ผลสำรวจเป็นที่น่าตกใจเพราะผู้ประกอบการรับรู้รับทราบกฎหมายเหล่านี้ แต่ยังปล่อยให้เด็กและเยาวชนที่อายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปใช้บริการ ซึ่งปัญหาที่จะตามทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเสียชีวิต อาชญากรรม จึงเกิดขึ้นแทบทุกวัน เห็นได้จากข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะอายุผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ต่ำกว่า 20 ปี มีสูงถึง24.78% ดังนั้นเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงขอความร่วมมือไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงสถานบริการที่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ โดยในกรณีเด็กและเยาวชนก่อคดีหรือเกิดอุบัติเหตุจากการเมาสุราขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบไปให้ถึงร้านที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุดด้วย และ “ขอเรียกร้องไปยังผู้ประกอบการ ร้านค้า ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า ควรมีสำนึกรับผิดชอบต่อเด็กและเยาวชนที่จะเติบโต เป็นอนาคตของชาติ โดยงดขายให้กับผู้ที่อายุต่ำกว่า20 ปี และอาจใช้วิธีการขอตรวจบัตรประชาชนก่อนขาย และที่สำคัญขอให้รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเด็กและเยาวชน โดยเร่งออกมาตรการที่คงค้างมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เช่น ควบคุมการขายเหล้าปั่น ควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ห้ามดื่มเหล้าในรถหรือท้ายกระบะ เป็นต้น
ขณะที่ นางอารีกุล พวงสุวรรณ นักวิจัยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า ผลสำรวจในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้มแข็งของการบังคับใช้กฎหมายอย่างไรก็ตามเกือบทั่วประเทศได้มีกฎหมายกำหนดอายุของเยาวชนในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างชัดเจน ซึ่งการกำหนดอายุขั้นต่ำจะส่งผลต่อการดื่มของเยาวชนดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายจะช่วยลดปริมาณการดื่มได้ และการเพิ่มอายุขั้นต่ำนั้น ยังสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่เป็นเยาวชน ทั้งนี้ประสิทธิภาพของมาตรการจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กนั้น เป็นผลมาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวดและไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสนับสนุนจากชุมชนในการบังคับใช้กฎหมายซึ่งจะสามารถลดการขาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับเยาวชนได้ถึง 35-40%
สรุปจากข้อมูลจริงของผู้คนที่กล่าวมา ประเมินได้ว่าทุกวันนี้ที่ว่า ผู้ใหญ่ห่วงใยเด็กนั้น เป็นเพียงคำหวานที่ผู้ใหญ่อยากเอาหน้า เอาตา ต่อสังคมเท่านั้นเอง ใช่หรือเปล่าหนอ
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า