เมาแล้วขับจับขังนำร่อง15 เดือน
ตำรวจเล็งปีใหม่ตั้งด่านเพิ่มขึ้น
นำร่องเมาแล้วขับจับขังโดยไม่รอลงอาญาที่ชลบุรีและตะวันออก 8 จังหวัดถูกลงโทษแล้ว 155 ราย ขณะที่พิษณุโลก ภาคเหนือตอนล่างเริ่มเดินเครื่อง
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นายประสงค์ มหาลี้ตระกูล ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำสำนักประธานศาลฎีกา เปิดเผยว่า จากการที่ศาลได้เริ่มพิพากษาให้ผู้ดื่มแล้วขับรับโทษกักขัง โดยไม่รอลงอาญา โดยศาลภาค 2 คือ ชลบุรี และภาคตะวันออก 8 จังหวัด นำร่องพิพากษาสั่งกักขัง เช่น ศาลจังหวัดตราดสั่งกักขังผู้ดื่มแล้วขับ ภายใน 15 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 ถึงกันยายน รวมทั้งสิ้น 155 ราย ทั้งนี้ ศาลจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ ศาลภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด และศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี อุบลราชธานี กำแพงเพชร เชียงใหม่ นนทบุรี พิษณุโลก และจันทบุรี ได้เริ่มพิพากษาสั่งกักขังคดีดื่มแล้วขับเช่นกัน
นายประสงค์กล่าวอีกว่า คดีเมาแล้วขับโดยปกติแล้ว หากตำรวจตรวจพบระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะส่งฟ้องศาลภายใน 48 ชั่วโมง และต่อมาศาลอาจตัดสินให้รับโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2552 ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เช่น รับโทษปรับ 5 พันบาท-2 หมื่นบาท ส่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพิกถอนใบอนุญาต หรือให้ทำงานบริการสังคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า ปีใหม่นี้ตำรวจเตรียมสกัดกั้นพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ด้วยการตั้งด่านตรวจจับอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ หากตรวจเจอปริมาณแอลกอฮอล์ที่มีสูงเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถูกดำเนินคดี โดยสั่งฟ้องศาลทุกราย และรอพิจารณาโทษภายใน 48 ชั่วโมง หากศาลได้พิจารณาถึงความผิดแล้วและพิพากษากักขัง โดยจุดเริ่มต้นในการกักขังก็คือจุดตรวจของตำรวจ
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า แต่ละปีมีคนตายบนถนน 1.2 หมื่นคนต่อปี พิการสะสม 1 แสนคน ความสูญเสีย 2 แสนล้านต่อปี ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าช่วงปกติ 2 เท่า ระหว่างปี 2550-2552 พบว่า ช่วงปกติจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเฉลี่ยวันละ 280 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 35 คน ขณะที่ช่วงเทศกาลปีใหม่มีอุบัติเหตุเฉลี่ยวันละ 607 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 58 คน ส่วนช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา อุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ถึง 84% สาเหตุเมาสุราขณะขับรถเป็นอันดับหนึ่ง ถึง 41%
ทั้งนี้ หากพบพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนนโทรแจ้งได้ที่ จส.100 หรือร่วมด้วยช่วยกัน
นายเจษฎา แย้มสบาย ตัวแทนเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณศาลที่เห็นโทษเมาแล้วขับ และใช้มาตรการเด็ดขาดในการพิพากษากักขังคดีเมาแล้วขับ ทำให้สังคมตื่นตัวและลดพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนน
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
update: 3-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย