เพิ่ม 4 มาตรการควบคุมไวรัส‘เมอร์ส’

ครม.รับทราบเพิ่ม 4 มาตรการควบคุมการระบาดโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรค ‘เมอร์ส’


เพิ่ม 4 มาตรการควบคุมไวรัส‘เมอร์ส’ thaihealth


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบรายงานเรื่อง รายงานสถานการณ์และความคืบหน้ามาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส โดย กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ต่อการระบาดของโรค จึงได้ดำเนินมาตรการในการตรวจจับการระบาดของโรคในกลุ่มเสี่ยงเพื่อการควบคุมที่รวดเร็ว เน้นการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล รวมทั้งป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาล เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการบูรณาการเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมโรคเมอร์สในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน


ทั้งนี้ ผลการดำเนินการที่ผ่านมา หลังจากการพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายแรกของประเทศไทย ได้มีการดำเนินการ ดังนี้ 1.การสอบสวนและติดตามผู้สัมผัสโรค จำนวนทั้งสิ้น 175 ราย 2.รายงานสถานการณ์โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (ข่าวเพื่อสื่อมวลชน) ผ่านทาง เว็บไซต์สำนักสารนิเทศ กระทรวสาธารณสุข 3.จัดทีมติดตามเฝ้าระวังอาการผู้สัมผัส 4.แจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากป้องกันโรค เอกสารคำแนะนำ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จัดเตรียมเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา 5.หากผู้สัมผัสมีอาการสามารถโทรศัพท์แจ้งที่สายด่วน 1422 ได้ทันที ซึ่งหากผู้สัมผัสมีอาการเข้าเกณฑ์ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งรถไปรับผู้สัมผัสที่มีอาการที่บ้าน เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจวินิจฉัยผู้สัมผัสที่มีอาการต่อไป และ 6.จัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ มีความรู้เกี่ยวกับตัวโรค และรู้วิธีการแพร่โรคต่อไป


นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.รับทราบ การเพิ่มความเข้มแข็งของมาตรการต่างๆ ดังนี้ 1.มาตรการการประเมินความเสี่ยงและการป้องกัน มีการติดตามสถานการณ์การระบาดในต่างประเทศ และสถานการณ์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวิเคราะห์และทำการประเมินความเสี่ยง 2.มาตรการการเฝ้าระวังและคัดกรองมีการเฝ้าระวังคัดกรองผู้เดินทางที่ช่องทางเข้าออกประเทศ/การติดตามกลุ่มเสี่ยง 3.มาตรการการวินิจฉัยดูแลรักษา การส่งต่อ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ 4.คำแนะนำสำหรับผู้เดินทาง/นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค


 


 


ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code