เพิ่มนักดื่ม-เพิ่มปัญหา ‘ค้าน้ำเมาเสรี’

ทุกฝ่ายชี้ ไทยยิ่งแย่

 

เพิ่มนักดื่ม-เพิ่มปัญหา ‘ค้าน้ำเมาเสรี’

                แม้จะเป็นข่าวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สำหรับกรณีที่เมื่อวันก่อนทางเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมิใช่ตำรวจพื้นที่บุกทลายร้าน เหล้าผิดกฎหมายร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ ขณะมีนักดื่มเข้าไป  ใช้บริการกว่า 300 คน ทั้งนี้ ที่ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กนั้นไม่เพียงเพราะเป็น  ร้านเหล้าผิดกฎหมายที่เปิดได้ใหญ่โตเท่านั้น แต่ยังมีอีกจุดสำคัญคือในจำนวนนักดื่มกว่า 300 คนนั้น…เป็น เด็ก-วัยรุ่นอายุ 13-16 ปี กว่า 200 คน !!

   

                เด็กไทยนับวันจะเป็น ขี้เมาฟันน้ำนมมากขึ้น

    

                หลายคนเมาเหล้าแล้วเลยเถิดถึงเมายาเสพติดอื่น ๆ  

   

                และตั้งแต่ต้นปี 2553 เรื่องแย่ ๆ แบบนี้จะยิ่งรุนแรง !!

   

                 สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์ ได้ปลุกสังคมไทยให้รู้เท่าทันไปแล้ว…ว่า ตั้งแต่ 1 ม.ค.ปีหน้า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอาเซียน เมื่อส่งออก-นำเข้าระหว่างอาเซียนด้วยกัน จะเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตราภาษีศุลกากร 0% หรือ ไม่เสียภาษีนำเข้าตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟตา ซึ่งไทยจะ เสียมากกว่าได้โดยน้ำเมาที่ทำในมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่หน้าตาคล้ายของยุโรป จะทะลักเข้าไทยมากขึ้น ซึ่งไทยจะมีปัญหาหนักขึ้น ทั้งด้านรายได้เข้ารัฐ อาชีพชุมชน สังคม อาชญากรรม อุบัติเหตุ สุขภาพ

   

                ทั้งนี้ หลังมีการเปิดประเด็นไป เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการจัดเสวนา หยุด…ค้าเสรีเหล้า เอาเปรียบชาติ ทางออกประเทศไทยโดยผู้เข้าร่วมเสวนาก็มีอาทิ… ดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ, สมเกียรติ เกิดทวี กรรมการองค์กรพัฒนาประชาธิปไตยภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าฯ, มงคล ไตรรัตนจรัสพร นายกสมาคมโอทอปไทย ซึ่งในงานเสวนาก็มีการสะท้อนข้อเท็จจริง-มุมมองที่น่าสนใจ

   

                ที่ผ่านมาก็มีการนำหัวเชื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะสุราวิสกี้ จากนอกอาเซียน มาผสมวัตถุดิบฟิลิปปินส์ บ่มหมักในฟิลิปปินส์ เพื่อให้ได้สิทธิอาฟตาอยู่บ้างแล้วตั้งแต่ปี 2546 และได้สิทธิเสียภาษีนำเข้าไทยเพียง 5% จาก 60% ซึ่งรายได้เข้ารัฐของไทยก็หายไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท และเมื่อถึงปี 2553 สิทธิ  อาฟตาตรงนี้จะยิ่งเย้ายวนใจ เพราะภาษีนำเข้าจะลดลงจนเป็น 0% ซึ่งก็จะยิ่งเพิ่มปัญหาให้ไทยในด้านต่าง ๆ

   

                 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าจะยิ่งมีต้นทุนที่ถูก จนนำไปสู่การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมกับผลิตภัณฑ์ของคนไทยภายในประเทศ โดยเฉพาะ สุราพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาไทย จะถูกแทนที่ด้วยสินค้าที่ได้สิทธิพิเศษด้านภาษี น่าแปลกที่เมืองไทยเรายินยอมให้มีการทำลายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านมาหลายปี และยังจะปล่อยให้ทำลายมากขึ้นอีก” …นี่เป็นการระบุของ มงคล นายกสมาคมโอทอปไทย ในงานเสวนา ซึ่งมงคลเน้นด้วยว่า… นี่จะเป็นการทำลายผู้ประกอบการสุราพื้นบ้านไทย 

   

                ทางด้าน สมเกียรติ กรรมการองค์กรพัฒนาประชาธิปไตยภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าฯ บอกว่า… ภาพของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้า กับเรื่องของเขตการค้าเสรีอาเซียน ต้องขยาย  นอกเหนือจากประเด็นการเข้ามาทำการตลาดในไทย และประเด็นตัวเลขการดื่ม เพราะ ยังมีเรื่องของคุณภาพสินค้า ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับเรื่องการทำลายชีวิตประชาชน มิใช่เพียงแค่การขยับตัวเพิ่มขึ้นของตัวเลขการบริโภค

   

                 เรื่องนี้มีผลโดยตรงต่อภาคพลเมือง ทั้งในส่วนของคุณภาพ เหล้า หรือเบียร์ ที่สวมสิทธิอาฟตา ที่ผลิตในอาเซียน จะมีผลต่อภาคพลเมือง ซึ่งผมมองเป็นเรื่องการมอมเมาที่จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ที่มักตกเป็นเป้าหมาย” …กรรมการองค์กรพัฒนาประชาธิปไตยภาคพลเมืองชี้

   

                ขณะที่ ดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้กระตุ้นรัฐบาลให้รีบทำเรื่องการติดสลากรูปภาพเตือนพิษภัยที่ขวดและกล่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับกรณีบุหรี่ พร้อมระบุถึงปัญหาต่อไทยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าภายใต้กรอบอาฟตาว่า… สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรปก็จะย้ายฐานผลิตสู่อาเซียน เพื่อมาสวมสิทธิ เพื่อจะขายโดยไม่เสียภาษีนำเข้า ซึ่งจะส่งผลให้ราคาถูกลง คนก็จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันง่ายขึ้น-มากขึ้น โดยทางมูลนิธิฯกังวลเรื่อง สร้างนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นเด็กวัยรุ่น

   

                ที่สำคัญ เมื่อมองจากสถิติอุบัติเหตุ คนตาย พิการ เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีราคาถูกลง จุดนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งในส่วนสำคัญของสถิติอุบัติเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-เมา ที่จะเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

   

                 และยังน่ากังวลอีกว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้าที่มีราคาถูกนี้ เรื่องคุณภาพจะสามารถควบคุมได้มากน้อยเพียงใด ถ้าคุณภาพต่ำก็จะยิ่งมีผลต่อสุขภาพของประชาชนหนักขึ้นอีก ซึ่งเรื่องนี้ทางมูลนิธิฯก็จะรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น” …ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับทิ้งท้าย

   

                ทั้งนี้ สรุปคือทุกวันนี้ประเทศไทย คนไทย-เด็กวัยรุ่นไทย ก็ มีปัญหาเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนถือว่าสะบักสะบอม-แย่พออยู่แล้ว และเร็ว ๆ นี้ก็จะหนักขึ้น…เพราะ น้ำเมาอาเซียนโดยเฉพาะ สุราบ่มหมักในมะนิลาที่จะยิ่งทะลัก ที่จะทำให้ไทย สะบักสะบอมมากยิ่งขึ้นอีก !!!.

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ภาพประกอบจาก: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 

 

 

Update: 02-12-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

Shares:
QR Code :
QR Code