เพศศึกษาระหว่างหู การเรียนรู้แบบครูนคร
ครูนคร สันธิโยธิน เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงการศึกษา จากการสอนวิชาเพศศึกษาแนวใหม่ ที่เข้าใจความต้องการของเด็ก และปัญหาสังคมไทยที่เกิดขึ้น มีวิธีสอนที่สนุก และเข้าใจง่าย ครูนครจึงเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิชาการสุขภาวะทางเพศ ที่มีแนวคิดการสอนเปิดกว้างด้านเพศศึกษา ตั้งแต่สอนเด็กสวมใส่ถุงยางอนามัยถูกวิธี ชมภาพยนตร์เรตอาร์ ฯลฯ
คุณครูนคร อยู่ในตำแหน่งหัวหน้างานแก้ไขสิ่งเสพติดและโรคเอดส์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และยังเป็นผู้ก่อตั้งโครงการห้องกุหลาบขาว เพื่อรณรงค์เรื่องเพศศึกษาและยาเสพติด ให้กับเด็กนักเรียนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 ซึ่งผลจากการสอนในแบบของครูนครทำให้ลูกศิษย์ทุกคนเข้าใจและมีความรับผิดชอบในเรื่องเพศศึกษามากขึ้น
จากการสอนเด็กสวนกุหลาบฯ จนประสบความสำเร็จ ครูนครเริ่มจะขยายแนวคิดจะอบรมเทคนิคการสอนของตัวเอง ให้กับครูที่สอนวิชาเพศศึกษาคนอื่นๆ โดยเข้ามาร่วมทำโครงการเพื่อสร้างกระบวน การเรียนรู้ให้แก่เด็ก ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สสค.ซึ่งเน้นเรื่องการสร้างเสริมการศึกษาในมิติต่างๆ ได้เปิดให้โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศร่วมส่งโครงการส่งเสริมนวัตกรรม การเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน โดยครูนครได้เสนอโครงการเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้มายังสสค. และได้รับการอนุมัติโครงการไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ
ขยายแนวคิด-โอกาสเด็ก
ครูนครเล่าว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้ร่วมกับ สสค.โดยไปอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสอนเพศศึกษาให้กับครูทั่วประเทศ ที่โรงแรมริชมอนต์ เนื่องจากตัวเองได้รับตำแหน่งครูดีเด่นแห่งชาติ ในการไปอบรมได้สาธิตการเรียนการสอนเพศศึกษาให้กับครูโดยผ่านกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น กิจกรรมเส้นลวด หรือคลิปกระดาษ โดยให้ครูที่ร่วมอบรมทำคลิปให้ตรงแล้วดัดให้เหมือนเดิม ซึ่งปรากฏว่าครูทุกคนจะทำไม่ได้ และบ่นว่ามันยาก เจ็บมือ ลำบาก
ครูนครอธิบายว่า การดัดคลิปกระดาษก็เปรียบเหมือนชีวิตคน ถ้าผิดพลั้งพลาดไปติดยาเสพติด ติดเอดส์ ก็ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพชีวิตแบบเดิมได้อีก ถ้าจะกลับมาเป็นแบบเดิมก็ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ต้องคิดวิเคราะห์และไตร่ตรองก่อน จึงได้มีแนวคิดว่าน่าจะอบรมเทคนิคการสอนของตัวเองให้กับครูที่สอนวิชาเพศศึกษาคนอื่นๆ เพื่อช่วยกันลดความผิดพลั้งพลาดของเด็ก โดยเสนอเป็นโครงการเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้มายัง สสค.
สอนเพศศึกษาด้วยไข่
ครูนครยังยกตัวอย่างกระบวนการสอนเพศศึกษาแนวใหม่ ว่า ผลการสอนประสบความสำเร็จพอสมควร ทั้งนี้ การสอนเพศศึกษาจะมีกิจกรรมที่สอดแทรกความรู้คือ กิจกรรมไข่ต้มกับผมเอง ซึ่งจะเป็นวิธีสื่อให้นักเรียนเข้าใจภาระของคนที่เป็นพ่อ เข้าใจความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นในชีวิตถ้าต้องตกกระไดพลอยโจนเป็นพ่อแต่เด็ก จากการชิงสุกก่อนห่าม เมื่อเด็กได้เห็นแจ้งแล้วทำให้เขามีสติยั้งคิด ชะลอการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรได้ แนวคิดกิจกรรมนี้ได้จากการศึกษาดูงานจากหลากหลายพื้นที่และจากต่างประเทศ จากนั้นจะนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม โดยกิจกรรมนี้เป็นกลยุทธ์ชะลอการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
สาเหตุที่เลือกไข่ เพราะไข่ไก่หาได้ง่าย สะดวกแก่การพกพาเมื่อต้มเสร็จแล้ว หากได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไข่สามารถอยู่ได้ถึง 7 วัน แต่หากดูแลไข่ไม่ดี ในวันที่ 3 ไข่จะเริ่มมีกลิ่นเหม็น เมื่อมีกลิ่นเหม็นเด็กจะคิดได้ว่าเพราะอะไรไข่ถึงเหม็น และจะต้องจัดการไข่อย่างไร ขณะเดียวกัน ก็เป็นการสอดแทรกถึงความซื่อสัตย์ ว่า หากทำความชั่ว ก็จะไม่สามารถปิดบังได้ เช่นเดียวกับไข่ หากดูแลไม่ดีจะมีกลิ่นเหม็นและไม่สามารถยับยั้งกลิ่นของไข่ได้
ภาระสร้างความรับผิดชอบ
กิจกรรมไข่ต้มกับผมเอง จะมีกติกาคือให้เด็กทุกคนนำไข่ต้ม 1 ฟองมาให้เซ็นชื่อลงบนเปลือกไข่ จากนั้นทุกคนจะต้องเลี้ยงดูไข่อย่างดี พกติดตัวไปด้วยทุกที่เป็นเวลา 8 วัน ไม่ว่าไข่จะอยู่ในสภาพใด เมื่อครบกำหนดแล้วจึงค่อยพาไข่ต้มใบเดิมที่มีลายเซ็นมาส่งคืน ขณะเดียวกันก็มีคำพูดข่มขวัญ ขอให้คนที่โกงสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เพื่อป้องกันการทุจริต
“อยากสื่อให้เด็กเข้าใจถึงการเป็นส่วนหนึ่งของความยากลำบากในการเป็นพ่อแม่คน โดยใช้ไข่ต้มมาเป็นสื่อให้เด็กเข้าใจภาระแสนสาหัสในการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ ซึ่งตั้งแต่ลูกลืมตามาดูโลกก็จะไม่มีวันหยุดทำหน้าที่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เหมือนกับการที่นักเรียนต้องพกไข่ไว้ใกล้ตัวในทุกสถานที่ตลอด 8 วันเต็ม” ครูนคร กล่าว
ครูนครกล่าวอีกว่า และเมื่อครบ 8 วันจะชวนเด็กๆ นำประสบการณ์การดูแลไข่ 192 ชั่วโมง มาแลกเปลี่ยนกัน พร้อมกับเฉลยให้เข้าใจความหมายของการให้เลี้ยงไข่ต้ม จากนั้นก็จะให้นักเรียนสำรวจตัวเองว่า พร้อมที่จะเป็นพ่อคนแล้วหรือยังในเวลานี้ กิจกรรมนี้ทำมาแล้ว 3 รุ่นนักเรียน ม.5 รุ่นหนึ่งมี 605 คน มีคนตอบว่า ตัวเองพร้อมเป็นพ่อแค่ 3 คน อีก 602 คนบอกอย่างพร้อมเพรียงว่า ไม่พร้อม เพราะเด็กรู้สึกว่ามันเป็นภาระ ทำอะไรก็ไม่สะดวก เป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่เป็นอิสระ ต้องหอบหิ้วไข่ไปทุกที่ ต้องคอยตอบคำถามของผู้คน โดยเฉพาะสาวๆ ในโรงเรียนกวดวิชา
เพศศึกษาอยู่ระหว่างหู
ครูนครอธิบายเพิ่มเติมว่า เพราะฉะนั้นจึงดึงประสบการณ์ตรงนี้มาสอนให้เด็กคิดตามว่า ถ้าเขาเป็นพ่อคนเมื่อไหร่ก็ต้องคอยตอบคำถามผู้คน ต้องคอยดูแลลูกทุกที่ทุกเวลาซึ่งยากกว่าการดูแลไข่หลายเท่า และไม่ว่าลูกจะเลวอย่างไรเหมือนไข่ที่เน่า ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขา เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่พร้อมสำหรับภาระอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็ยังไม่ควรชิงสุกก่อนห่าม กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จพอสมควร สามารถสร้างทัศนคติทางเพศที่ถูกต้องให้แก่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัมพันธภาพทางเพศ พฤติกรรมทางเพศ ทักษะชีวิต ซึ่งจะช่วยชะลอการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของเด็กได้
“ต้องเข้าใจเด็กวัยนี้อยากรู้ อยากโต อยากโชว์ อยากช่วย ต้องให้เขารู้เรื่องเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่สำคัญตรงหว่างขา แต่เป็นระหว่างหู นั่นคือ สมอง การสอนวิชาเพศศึกษาไม่ได้เน้นป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ของกลุ่มวัยรุ่น แต่เราต้องให้ข้อมูลในเชิงสุขภาวะทางเพศอย่างรอบด้าน” ครูนครสรุป
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด โดย คัคนานต์ ดลประสิทธิ์
update : 13-01-54
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน