เฝ้าระวังโรคระบาด โดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอล

สสส. ร่วมกับ สธ. – ภาคีฯ จัดสัมมนา “เฝ้าระวังโรคระบาดอย่างมีส่วนร่วมโดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอล” เอเชีย เสี่ยงเป็นจุดกำเนิดโรคระบาดใหม่ เน้นใช้เทคโนโลยีเชื่อมระบบสาธารณสุข ควบคุม-ติดตามโรค สร้างสังคมสุขภาวะ พบตรวจจับเร็วลดวงระบาดได้ ชี้ 1 คนติดแพร่ 12 คน

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สถาบันเชนจ์ฟิวชั่น บริษัท โอเพ่นดรีม จำกัด และ สกอล โกลบอล เทรธส์ ฟันด์ (Skoll Global Threats Fund) จัดสัมมนา หัวข้อ “การเฝ้าระวังโรคระบาดอย่างมีส่วนร่วมโดยใช้เทคโนโลยีดิจิตอล” หรือ Digital Disease Detection (DDD)

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคติดต่อถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ซึ่งปัจจุบันโลกที่เชื่อมกันทำให้การระบาดเดินทางอย่างรวดเร็ว สิ่งที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการตรวจจับโรคให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งทั่วโลกมีการพัฒนาเพื่อทำให้ระบบดังกล่าวมีประสิทธิภาพที่สุด จึงจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี การสื่อสาร มาเชื่อมกับการทำงานเพื่อเฝ้าระวังโรค ที่สำคัญคือต้องทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาซอฟแวร์ที่เหมาะสมต่อไป

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า เทคโนโลยีกับสาธารณสุข ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เนื่องจากเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างมากต่อการส่งเสริมและป้องกันโรค ซึ่ง สสส. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาสสส. ได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่างๆ พัฒนาแอพพลิเคชั่นด้านสุขภาพอยู่ตลอดเวลา อาทิ แอพพลิเคชั่น Doctor Me, Me Sex เครื่องมือเรียนรู้เรื่องสุขภาวะทางเพศสำหรับวัยรุ่น, แอพพลิเคชั่น“SaraphiHealth” เครื่องมือสำหรับจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพในทุกมิติ เป็นต้น ดังนั้นยิ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ล้ำหน้าเท่าไหร่ ยิ่งสามารถรักษาชีวิตคนได้มากเท่านั้น

ด้าน ดร.มาร์ค โมลินสกี้ (Dr.Mark Smolinski) ผู้อำนวยการ Skoll Global Threats Fund กล่าวว่า สกอล โกลบอล เทรธส์ ฟันด์ มีภารกิจที่สำคัญในการหยุดยั้งเรื่องที่เป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ ด้วยการหาวิธีการ เครือข่ายที่เข้มแข็ง และกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาและการป้องกันในอนาคต ซึ่ง DDD เป็นการเชื่อมโยงนักนวัตกรรม และนักปฏิบัติจากหลายภาคส่วน อาทิ ผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุข นักวิชาการ หน่วยงานโทรคมนาคม สื่อมวลชน หน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี และผู้ที่มีความสำคัญในการสร้างระบบสาธารณสุขแบบมีส่วนร่วม เพื่อค้นหาต้นตอของโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นใหม่  ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน

“ขณะนี้ทวีปเอเชียกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นทวีปที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกันก็ยังเป็นทวีปที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นจุดกำเนิดของโรคระบาดที่อาจจะเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ จึงหวังว่าเทคโนโลยีในปัจจุบัน จะมีศักยภาพในการช่วยให้มนุษยชาติค้นพบและติดตามสัญญาณของโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยพบว่าโรคระบาดนั้น 1 คน จะสามารถติดต่อได้อีก 12 คน หากสามารถสร้างระบบการตรวจจับและรายงานโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะหยุดการแพร่ระบาดของโรคได้ในวงแคบลง ซึ่งในปี 1996 การค้นพบโรคระบาดใช้เวลาถึง 167 วัน แต่เมื่อปี 2009 ใช้เวลาค้นหาโรคระบาดเพียง 23 วัน ด้วยการสร้างระบบเฝ้าระวังโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ทำให้สามารหยุดสถานการณ์การระบาดได้เร็วขึ้น  ดังนั้นการเสริมสร้างศักยภาพ และการสร้างเครือข่ายในทุกภาคส่วนของทวีปเอเชีย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะลดการเกิดโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นใหม่ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก” ดร.มาร์ค กล่าว

ขณะที่ นพ.ลาร์รี่ บริลเลี่ยนท์ (Dr.Larry Brilliant) ประธาน Skoll Global Threats Fund กล่าวว่า เทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างมาก ต่อการพัฒนาวิธีการทำงานในระบบสาธารณสุข ทั้งการผสมผสานความเชี่ยวชาญ ด้านสุขภาพเข้ากับระบบการระดมความช่วยเหลือทางออนไลน์ ระบบค้นหาผ่านทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือสื่อใหม่ออนไลน์ ดังนั้นการร่วมมือข้ามภาคส่วน จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการค้นหาสัญญาณของสิ่งที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ DDD จึงถือเป็นพื้นที่หลอมรวมระหว่างเทคโนโลยี และการสาธารณสุข เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัย และเป็นสังคมที่มีสุขภาวะที่ดี

 

 

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

Shares:
QR Code :
QR Code