เผยเศรษฐกิจตกรุมผู้สูงอายุ!
พบเป็นเหยื่อรุนแรงจากครอบครัว
ปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ดส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างน่าสนใจ ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุวิณี วิวัฒน์วานิช คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การวิจัยเรื่อง ความรุนแรงต่อผู้สูงอายุไทย : การทบทวนองค์ความรู้และสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ได้รับการสนับสนุนโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
พบว่า ในปี 2549 – 2550 ศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้สำรวจความเสี่ยงของผู้สูงอายุทั่วประเทศจำนวน 50,058 ราย ในด้านต่างๆ 1.ทำร้ายร่างกาย 2.การถูกทำร้ายจิตใจ 3.การถูกกีดกัน 4.การถูกละเมิดสิทธิ์ ซึ่งการถูกทำร้ายทางกายที่พบมาก คือ 1.ถูกบังคับขู่เข็ญ 2.ถูกฉุดกระชาก 3.ถูกตบตี
ส่วนการทำร้ายจิตใจส่วนใหญ่ได้แก่ ถูกดุด่า/ดูถูก รองลงมา คือ ถูกแสดงความเบื่อหน่าย หรือการแสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุเป็นภาระ และถูกกีดกันไม่ให้แสดงความคิดเห็น ถูกไล่ ไม่ให้อยู่อาศัย
ผศ.ดร.สุวิณีกล่าวอีกว่า แม้ตัวเลขจะไม่มาก แต่ที่น่าตกใจคือ กรณีที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการกระทำของผู้ใกล้ชิดผู้สูงอายุมากที่สุด คือ บุตรและคู่สมรส ปัจจัยที่เร่งให้เกิดความรุนแรงคือ ปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัว ความเครียดของลูกหลานที่ต้องดูแลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย อยู่ในภาวะพึ่งพาเป็นเวลานาน ซึ่งสภาพเศรษฐกิจที่รุมเร้าในยุคปัจจุบันอาจส่งผลให้แนวโน้มของความรุนแรงต่อผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
ผศ.ดร.สุวิณีกล่าวด้วยว่า ปัญหาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่ซ่อนเร้น เพราะสังคมไทยให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญูและเคารพผู้อาวุโส คนทั่วไปจึงไม่คิดว่าจะมีการใช้ความรุนแรงกับผู้สูงอายุ ทั้งที่ความจริงมีผู้สูงอายุในสังคมไทยถูกกระทำรุนแรงด้านจิตใจหรืออารมณ์ค่อนข้างมาก เช่น การใช้วาจา คำพูด กิริยาท่าทางที่แสดงถึงความไม่เคารพ การไม่เห็นคุณค่า ทำให้ผู้สูงอายุเสียใจ ปวดร้าวหรือร้องไห้ ซึ่งภาวะทางใจที่เกิดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเจ็บป่วยทางร่างกายตามมา
“ทีมวิจัยได้เจาะลึกให้ถึงปัญหา และหาทางออกในเชิงนโยบายเสนอต่อรัฐบาล เพื่อหาทางคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ โดยภายใน 3 – 4 เดือนข้างหน้า จะกำหนดนิยามความรุนแรงต่อผู้สูงอายุในสังคมไทยได้ ซึ่งอาจอิงกับคำนิยามที่องค์การอนามัยโลก (who) กำหนดไว้แล้ว รวมทั้งจะประเมินความรุนแรงของสถานการณ์ ตลอดจนกำหนดเกณฑ์ในการวินิจฉัย หรือเฝ้าระวังผู้สูงอายุจากความรุนแรง เพื่อใช้ควบคู่กับมาตรฐานทางกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้” ผศ.ดร.สุวิณีกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update 13-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก