เผยสถิติผู้ป่วยติดเชื้อ “ไวรัสโคโรน่า”
ที่มา : กรมสุขภาพจิต
แฟ้มภาพ
เผยสถิติผู้ป่วยติดเชื้อ "ไวรัสโคโรนา" คงที่ คนไทยจากอู่ฮั่น เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคเพิ่ม 1 ราย ส่งโรงพยาบาลดูอาการ พร้อมเพื่อนร่วมห้อง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยยอดผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ ไวรัสอู่ฮั่น ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า มีจำนวนสะสมเท่าเดิม 25 ราย กลับบ้านแล้ว 9 ราย เหลือรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย ซึ่งมีส่วนหนึ่ง ที่อาการดีขึ้นมาก เพียงแต่รอผลแล็บยืนยันอีกครั้ง หากผลลบ ก็สามารถกลับบ้านได้ ส่วนสถิติผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2563 ทั้งหมด 615 ราย กลับบ้านได้แล้ว 225 ราย เหลืออยู่ในโรงพยาบาล 390 ราย ทั่วโลกมีรายงานผู้ป่วยใน 27 ประเทศ ซึ่งไทยลดลงจากอันดับ 2 มาอยู่ในอันดับ 4 ของโลก
ส่วนคนไทยที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น พบผู้มีอาการเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังโรคเพิ่ม 1 ราย และมีผู้อยู่ร่วมห้องซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดอีก 1 ราย ได้นำส่งโรงพยาบาลและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนผู้ป่วยเฝ้าระวัง 4 คนเดิมอาการดีขึ้น วันนี้ไม่มีไข้ รอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ถ้าไม่มีความปกติใดๆ จะย้ายมากักตัว ร่วมกับคนไทยอีก 132 คน เมื่อครบกำหนดก็สามารถกลับบ้านได้
ด้าน นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยการดูแลทางด้านสุขภาพจิตของคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น ว่า ทีม MCATT จากการประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้น ทุกคนมีกำลังใจดี พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามข้อกำหนดในการควบคุมป้องกันโรค ไม่พบผู้มีความเครียดผิดปกติ
ส่วน 3 รายที่มีปัญหาโรคซึมเศร้าเดิม ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง อาการปกติดี ได้วางแผนเฝ้าระวังสังเกตอาการต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์แรก หากพบคนที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต จะติดตามอาการต่อเนื่องไปจนครบ 6 เดือน ส่วนประชาชนทั่วไป ขอความร่วมมือทุกคนให้ “ตระหนัก แต่ไม่ตระหนก” โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ลดการเสพข่าวที่มาจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ส่งต่อข้อความที่ดูเกินจริงและไม่ได้รับการยืนยัน
ขณะที่ นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค วอนสื่อมวลชนอย่าประโคมข่าวความรุนแรงของไวรัสโคโรนาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการเผยแพร่ภาพที่น่าตกใจไม่เป็นผลดีกับประเทศไทย แนะควรสื่อสารในภาพรวม สถานการณ์ปัจจุบัน และข้อเท็จจริงบนพื้นฐานความเป็นจริง สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา
หากกล่าวถึงกรณี ความเสี่ยง มีสองแบบ คือ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอยู่ในประเทศไทย ที่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล หากคนเหล่านั้นมาเดินอยู่ข้างนอกเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อก็จำนวนมากเช่นกัน และเมื่อป่วยแล้วมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากน้อยขนาดไหน ให้ดูที่จำนวนสถิติ ไม่ให้ดูเป็นรายคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรง ย้ำการประโคมข่าวผู้เสียชีวิตและผู้มีอาการรุนแรงไม่มีประโยชน์ใดๆ อยากให้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาที่สุด
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ที่พบผู้ป่วยนอกประเทศจีน เนื่องจากเตรียมการเร็ว และรับมือกับสถานการณ์เร็ว ทำให้การตรวจพบเร็ว เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประเทศรับมือกับสถานการณ์ระบาดไวรัสโคโรนาได้ ขณะเดียวกันประเทศไทยยังสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายและกลับบ้านได้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน.