เปิดโอกาสเด็กไทยเล่าฝันผ่านไปรษณีย์
วันแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่ 2554 ผ่านพ้นมาแล้วห้าวัน นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า วิถีชีวิตของคนบนโลกใบนี้กำลังพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แนวคิดใหม่และพฤติกรรมใหม่ๆ ที่เห็นว่าดีต่อตัวเองต่อครอบครัว และต่อประเทศชาติต่อไป
สำหรับคุณหนูๆ หรือเด็กๆ อันเป็นอนาคตของชาติ เมื่อความสุขที่ได้รับจากวันขึ้นปีใหม่ผ่านพ้นมาแล้ว เหล่าคุณหนูทั้งหลายก็ยังมีความสุขอีกวัน ที่กำลังรออยู่ข้างหน้า วันดังกล่าวนี้คือ ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ในปี 2554 ภายใต้การบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีคำขวัญเพื่อเตือนใจเด็กๆ และผู้ใหญ่ในสังคมไทยวันนี้ด้วยข้อความดังนี้ “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” ที่มีความหมายเพื่อให้ผู้ใหญ่ วางตัว วางนิสัยของลูกหลาน ให้เดินอยู่บนความไม่ประมาท กล่าวคือ ต้องรู้จักคิดถึงอนาคต คิดถึงปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองให้มากที่สุด โดยความคิดทุกความคิดจะต้องมีความรอบคอบ ประณีต และที่สำคัญในยามที่บ้านเมืองกำลังต้องการสังคมแห่งความร่วมมือในเวลานี้ การสร้างให้เด็กมีจิตสาธารณะ เป็นอีกหนทางหนึ่งที่เด็กจะช่วยให้สังคมและตัวเองได้เป็นอย่างดี
เมื่อพูดถึงเด็กๆ แล้ว ทำให้คิดย้อนอดีตกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้เด็กได้มีการแสดงออกในเรื่องความฝันของพวกเด็กๆ ว่าพวกเขาฝันอยากเห็นและอยากได้อะไร ปรากฏว่ามีเด็กทั่วประเทศส่งผลงานผ่านไปรษณียบัตร มาเล่าถึงความฝันของตัวเองให้ฟังมากถึง 3,744 คน ทำให้ไปรษณีย์ไทยนำกิจกรรมใหม่ประจำปี 2554 มาให้เด็กได้ร่วมกิจกรรมอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ ได้กำหนดหัวข้อเพื่อให้เด็กได้แสดงออกในหัวข้อว่า “คอมฯ จ๋า…ช่วยฉันที” โดยมีแนวคิดให้เด็ก แสดงความต้องการของตัวเองว่า อยากได้อะไรจากคอมพิวเตอร์บ้าง แล้วเขียนความต้องการผ่านไปรษณียบัตร ส่งมาที่ตู้ปณ.2554 สำนักงานปณท.10002 ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2554
นางปริษา ปานะนนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยถึงกิจกรรมดังกล่าว สำหรับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ว่า เราคิดว่าน่าจะได้รับการตอบสนองมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นหัวข้อร่วมสมัยของเด็กๆ เพราะยุคนี้เด็กส่วนใหญ่จะรู้จักคอมพิวเตอร์กันแทบทุกคน และจะเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่และสังคมควรได้รับฟังเสียงของเด็กว่า พวกเขาคิดฝันอยากให้คอมพิวเตอร์ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งอาจได้ข้อมูลที่น่าสนใจ รวมทั้งไอเดียดีๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ก็เป็นได้
ในการทำกิจกรรมดังกล่าวนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนต่างๆ จากหน่วยงานพันธมิตรเดิมในภาคีของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) อันได้แก่ แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย) มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด) และมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว แล้วยังได้เชิญอีก 2 หน่วยงานเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วยคือ แผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน หรือเด็กพลัส และมูลนิธิอินเตอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
สำหรับโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ แจ้งความจำนงมาได้ที่ โทร.02-831-3515-6 เพื่อรับฟรี! ไปรษณียบัตรเล่าฝันวันของหนู และกิจกรรมโรดโชว์ตามวันที่กำหนด รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก www.thailandpost.co.th
เชื่อได้ว่า หากผลสรุปของการจัดกิจกรรมดังกล่าวนี้เสร็จสิ้นลง สังคมผู้บริหารประเทศ-สังคมผู้ใหญ่ ซึ่งมีหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชูเด็กๆ คงจะได้รับรู้ถึงความต้องการของพวกเขา และที่สำคัญสิ่งหนึ่งที่แฝงมากับแนวคิดของเด็กๆ ทั้งหลาย ย่อมสะท้อนให้สังคมได้เห็นว่า เด็กไทยวันนี้ ไม่ได้ไร้สมองและไร้จิตสำนึก พวกเขายังคงมีความฝัน พวกเขายังคงมีความคิดสร้างสรรค์ ที่พร้อมจะแสดงออกให้สังคมได้รับรู้ถึง สิ่งต่างๆ ที่สามารถนำเอาไปสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติ ได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่เหมือนกัน
หากงานนี้สำเร็จลงด้วยดี บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ ยังมีการกระทำที่มิได้เกื้อหนุนให้สังคมหรือประเทศชาติดีขึ้น น่าที่จะได้แนวคิดและเกิดการตระหนักถึงความคิดของเด็กที่มีประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ได้เกิดจิตสำนึกถึงการกระทำคุณงามความดีเพื่อชาติได้บ้าง เพราะมิฉะนั้นบรรดาผู้ใหญ่เหล่านี้คงจะต้องถูกประณามจากคนในสังคมอย่างแน่นอนว่า “ไม่รู้จักอายเด็กๆ บ้าง”
วันนี้บ้านเมืองของเรากำลังต้องการการบูรณะต้องการการสร้างสรรค์ ดังนั้นคำพังเพยที่ว่า “คบเด็กสร้างบ้าน” น่าจะมีประโยชน์และเป็นความต้องการของประเทศไทยมากที่สุด เพื่อให้ประเทศก้าวขึ้นสู่การพัฒนาแทนที่จะถูกดึง (จากผู้ใหญ่ไม่ดี) ให้ลงเหวลงนรกลงไปทุกวันๆ
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า โดย ปานมณี
Update: 05-01-54
อัพเดทเนื้อหาโดย: ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน