เปิดเวทีแชร์ความท้าทายพัฒนานักสร้างสุของค์กร
ทีมา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
สสส.จับมือเครือข่ายมหาวิทยาลัยแห่งความสุข เปิดเวทีแชร์ความท้าทายพัฒนานักสร้างสุของค์กร กระแสตอบรับดีเกินคาด ยอดภาคีเข้าร่วมพุ่ง 41 แห่งทั่วประเทศ ประกาศเดินหน้ายกระดับสู่มหาวิทยาลัยสุขภาวะ ผลิตแรงงานคุณภาพสู่ตลาด
รศ.ดร.รศรินทร์ เกรย์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการประชุม “Happy University Challenge : ความท้าทายของมหาวิทยาลัยแห่งความสุข”ว่า สสส.สนับสนุนให้สถาบันวิจัยประชากรและสังคมผลักดันโครงการมหาวิทยาลัยแห่งความสุข ตั้งแต่ปี 2556-2562 โดยต่อยอดมาจากผลความสำเร็จของการดำเนินงานพัฒนาสร้างเสริม “องค์กรแห่งความสุข: Happy Workplace” โดยใช้แนวคิดและนวัตกรรม Happinometer Model สำรวจความสุขของตัวเอง เพื่อยกระดับความสุขในการทำงาน และความผูกพันองค์กร ควบคู่กับสมดุลชีวิต เพื่อให้เป็น “คนเก่ง: Smart People” เกิด “งานที่มีคุณค่า: Decent Work” สามารถตอบสนองความต้องการเกี่ยวกับชีวิตการทำงาน สร้างเสริมประสิทธิภาพของบุคลากรและองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย 41 แห่งทั่วประเทศ (จากแรกเริ่ม 8 แห่ง) เกิดกิจกรรมนำร่องยุวทูตสร้างสุข ฝึกการสร้างสุขคนทำงานและองค์กรแห่งความสุขให้กับนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 3-4 กว่า 45 คน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ชีวิตประชากรวัยทำงานที่มีความพร้อมด้านอารมณ์ เพื่อประสิทธิผลสูงสุดในการทำงาน
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ความท้าทายของโครงการนี้คือจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งสสส.เชื่อว่าไตรพลังจะช่วยสร้างความยั่งยืนในการทำงานทุกประเด็นได้ อันประกอบไปด้วย พลังนโยบาย มหาวิทยาลัยควรมีระบบสนับสนุนการพัฒนานักสร้างสุของค์กร มีนโยบายและตัวชี้วัดสำคัญของแผนพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทุกฝ่ายในองค์กรควรมีบทบาทสนับสนุนอย่างชัดเจน พลังทางวิชาการ นักศึกษาและบุคลากรควรได้รับการปลูกฝังความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) เพื่อให้ทุกคนมีขีดความสามารถในการเข้าใจวิธีการดูแลสุขภาวะตัวเอง และสุดท้ายคือ พลังทางสังคม เช่น การสร้างแกนนำยุวทูตสร้างสุขที่เป็นนักศึกษา เพื่อเฟ้นหาคนริเริ่มทำงานอย่างต่อเนื่อง ก้าวต่อไป สสส. และภาคีเครือข่ายหวังว่าจะสามารถร่วมกันยกระดับ Happy University (มหาวิทยาลัยแห่งความสุข) สู่การเป็น Healthy University (มหาวิทยาลัยสุขภาวะ) เพราะเมื่อคนมีความสุขทางใจ สิ่งสำคัญถัดมาคือ “การมีสุขภาพดี” โดยเชื่อมั่นว่าตลาดแรงงานทั้งในและนอกประเทศ ต่างต้องการบัณฑิตที่พร้อมไปด้วยคุณสมบัติทั้งสองข้อนี้