เปิดยุทธการ “ปิด-ล้าง-เลี่ยง-หยุด”
สู้เตือนภัยหวัด 2009 มาเยือนอีกระลอก !
ย่างเข้าฤดูหนาวทีไร พ่อแม่ที่มีบุตรหลานหรือแม้แต่ตัวผู้ใหญ่เองอดหวั่นวิตกกับโรคต่าง ๆ ที่มากับอากาศหนาว ไม่ว่าจะเป็น โรคหวัด ปอดบวม หัดเยอรมัน อีสุกอีใส อุจจาระร่วง รวมถึงโรคที่อาจกำเริบในช่วงหน้าหนาวเช่น โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ แต่ฤดูหนาวปีนี้นอกจากโรคที่กล่าวมาแล้ว คนไทยยังต้องต่อสู้กับโรคหวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่สร้างความหวั่นวิตกให้กับคนไทยและวงการสาธารณสุขของไทยอยู่ในขณะนี้ คือ “โรคไข้หวัดใหญ่ 2009” ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณุสุขและกรมควบคุมโรคใช้ในการรณงค์ป้องกันหวัดใหญ่ 2009 ถือว่าได้ผล สามารถลดการเผยแพร่ของโรคและการตื่นตัวของประชาชนจนทำให้สถานการณ์สงบพร้อมกับกระแสข่าวที่เงียบลง ทั้งที่ความเป็นจริงการระบาดของโรคยังเป็นวิกฤติทางสาธารณสุขของประเทศและของโลกที่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่สามารถยุติการระบาดของโรคได้ในเวลาอันใกล้
ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเตือนคนไทยว่าโรคหวัด 2009 อาจจะกลับมาระบาดระลอกสองในช่วงฤดูหนาว 4 เดือนนี้ คือระหว่างเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากนสภาพอากาศหนาวทำให้ไวรัสตายยากโรคแพร่ระบาดง่ายและรวดเร็วอาจจะมีผู้ป่วยจากโรคนี้เพิ่มขึ้นจำนวนมากและหลายล้านคนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงเตือนให้ประชาชนอย่างได้นิ่งนอนใจ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรารระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ยังเป็นวิกฤติทางสาธารณสุขของประเทศและโลก คาดว่าจะมีคนไทยถึง 57 ล้านคนที่ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน มีเพียง 8 ล้านคนเท่านั้นที่ได้ติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันโรคแล้ว และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยที่มีการตรวจยืนยันว่าเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่มีจำนวนมากกว่า 526,060 คน มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,770 คน ส่วนสถานการณ์ในไทยจากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคที่ได้รับรายงานตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 52 ถึงปัจจุบัน พบว่าผู้ป่วยยืนยันสะสมจำนวน 28,939 คน มีผู้เสียชีวิต 187 คน และในช่วงฤดูหนาว 4 เดือน คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน 52 – กุมภาพันธ์ 53 ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศเย็นและแห้งชื้น จะเป็นปัจจัยให้การแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 ในประเทศไทยกระจายตัวได้อย่างรวดเร็วประกอบกับฤดูหนาวเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะมีการเดินทางเข้าออกในแต่ละพื้นที่ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมาก จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อย่างเข้มงวด
กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค ซึ่งได้ติดตามการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างใกล้ชิด ในช่วงฤดูหนาวในระยะเวลา 4 เดือน โดยการนำแผนที่เรียกว่า ยุทธการ 4444 สู้หวัด 2009 คือ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” 4 พฤติกรรมเป็นแนวทางและเครื่องมือในการควบคุมป้องกันโรค โดยเน้นการบริหารจัดการให้ทุกพื้นที่ปลอดภัย ผ่านโครงการรณรงค์และกิจกรรมดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ กระตุ้นให้ทุกฝ่ายเกิดกระแสและตื่นตัวในการมีส่วนร่วม ควบคุม ป้องกัน การระบาดของโรค
ยุทธการ 4444 สู้หวัด 2009 ที่ว่านี้ประกอบด้วย “4 พฤติกรรมสำคัญในการป้องกันโรค (ปิด-ล้าง-เลี่ยง-หยุด).กระตุ้นให้เกิดกระแสพฤติกรรมส่วนบุคคลซึ่งเป็นเครื่องมือรณรงค์ที่ดีที่สุดในการควบคุมป้องกันไข้หวัด 2009 โดย 1.ปิด คือ ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม 2.ล้าง คือ ล้างมือบ่อย ๆ เช็ดจุดที่มือสัมผัสบ่อย ๆ 3.เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค 4. หยุด คือ หยุดกิจกรรม หยุดเรียน หยุดงาน เมื่อป่วยและยุทธการต่อมาคือ “4 มาตรการสำคัญในการดำเนินการ (รับรู้- ร่วมแรง – ลดป่วย- ลดตาย)” 1.รับรู้: รู้โรค รู้สถานการณ์ รู้ตนเอง 2.ร่วมแรง: การจัดการให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันและควบคุมโรค 3. ลดป่วย: สนับสนุนทุกภาคส่วนดำเนินการและ 4. ลดตาย: โดยมาตรการเฝ้าระวังป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางคลินิกรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมียุทธการ “4 แนวทางการจัดการในกลุ่มอายุให้ปลอดภัยจากโรค(วัยเรียน-วัยทำงาน-วัยอยู่บ้าน-ผู้ป่วย)” ได้แก่ 1.วัยเรียน: ตั้งแต่ระดับการศึกษาพื้นฐานไปถึงเอกชน, อาชีวะและอุดมศึกษา 2. วัยทำงาน คนทำงานในสถานประกอบการ 3.วัยอยู่บ้าน ในกลุ่มเด็กและกลุ่มผู้สูงอายุ 4.ผู้ป่วย ที่มีดรคอยู่ก่อน รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์, ภาวะอ้อนเกินและยุทธการสุดท้ายคือ”4 หลักการสำคัญที่จังหวัดดำเนินการ (ประชุม-ประเมิน-ประสาน-ปฏิบัติ)” ซึ่งได้แก่ 1.ประชุม สม่ำเสมอติดตามผลงานระดับบริหารระดับปฏิบัติการ 2.ประเมินสถานการณ์โรค สถานการณ์กลุ่มเสี่ยงวิเคราะห์สถานการณ์ 3.ประสาน ประชาสัมพันธ์บูรณาการการบริหารจัดการสื่อสารประชาสัมพันธ์ 4.ปฏิบัติการ ทางการแพทย์จัดบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมครบถ้วน
นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่ามีผู้ป่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แล้วในพื้นที่ต่าง ๆ ในระดับอำเภอ เกินร้อยละ 90 ของพื้นที่แล้ว ในช่วงปลายเดือนตุลาคม เป็นต้นมา เริ่มพบแนวโน้มการรายงานป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางจังหวัดแล้ว นอกจากนี้กรมควบคุมโรคได้เฝ้าระวังเป็นกรณีเฉพาะด้วยจุดเฝ้าระวังพิเศษ 14 แห่ง พบมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ไม่ลดลงต่อไปและเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและมีสัดส่วนการตรวจพบไวรัสเพิ่มขึ้นจึงเป็นสัญญาณเตือนการระบาดที่อาจจะเพิ่มในระยะต่อไป
จากอัตราการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จะเป็นสัญญาณเตือนคนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือระบาดในระลอกที่ 2 ซึ่งมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลปะปนอยู่ด้วย ประกอบกับความวิตกในเรื่องการกลายพันธุ์และการผสมของเชื้อข้ามสายพันธุ์ระหว่างไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลกับไข้หวัด 2009 รวมถึงไข้หวัดนกที่มักพบการระบาดในช่วงปลายปี ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เชื้อไข้หวัดทั้ง 3 ชนิด สามารถแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างกันได้ จำเป็นจะต้องติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดต่อไป ที่สำญอย่าลืมว่าการระบาดของโรคไข้หวัด 2009 ยังไม่มีประเทศใดทีถึงจุดอิ่มตัว โอกาสการระบาดจึงยังมีมาก
ดังนั้นการใช้ “ยุทธการ 4444 ปิด-ล้าง-เลี่ยง-หยุด สู้หวัด 2009” เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยตื่นตัวและปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตาม ยุทธการ 4444 สู้หวัด 2009 เพื่อป้องกันตนเองจากโรคดังกล่าว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนพึงปฏิบัติเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของท่านและคนทีท่านรัก
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
Update: 1-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร