เปลื้องประสบการณ์ “ขี้เมา”
สู่คู่มือ “ลด-ละ-เลิก”สร้างสุขให้ครอบครัว
“เหล้า” ยังคงครองแชมป์อันดับต้นๆ ของต้นต่อปัญหาต่างๆ ในสังคมมากมาย โดยเฉพาะปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ที่สำคัญมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงไม่ต้องบอกเลยว่ากลุ่มที่มักโดยทำร้าย ก็คงหนีไม่พ้น ผู้หญิงและเด็ก อยู่เช่นเคย…
นายจะเด็จ เชาว์วิไล ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนหญิง เปิดเผยข้อมูลของมูลนิธิเพื่อนหญิงทั้ง 10 ศูนย์ทั่วประเทศ พบว่า ปัจจุบันมีผู้หญิงและเด็กถูกกระทำจากความรุนแรงและเข้ารับความช่วยเหลือ เฉลี่ยถึงปีละ 2,000 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนนี้ 40% มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีก 30% ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ ซึ่งส่วนใหญ่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญ และที่น่าเป็นห่วงคือ พบเยาวชนเริ่มเป็นผู้ก่อความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันถึงจะแก้เรื่องเหล่านี้ได้ เพราะหากปล่อยไว้ ปัญหาคงรุกรามไปใหญ่โตเป็นแน่…
จากความร่วมกันของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. มูลนิธิเพื่อนหญิง และคนในชุมชน ผนึกกำลังเพื่อหาทางแก้ไขเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้เกิดชุมชนต้นแบบที่ ลด ละ เลิก เหล้า และลดความรุนแรงในครอบครัวลงได้ แบบเกือบ 100 % ถึง 4 ชุมชนด้วยกัน ได้แก่ ชุมชนบ้านคำกลาง จ.อำนาจเจริญ ชุมชนฟ้าใหม่ จ.เชียงใหม่ ชุมชนไทยเกรียง จ.สมุทรปราการ และเครือข่ายชุมชน จ.ชุมพร
นายพรณรง ปั้นทอง ผู้ประสานงานชุมชนบ้านคำกลาง จ.อำนาจเจริญ กล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ว่า ก่อนที่ตนจะเข้าโครงการลด ละ เลิก เหล้า ครอบครัวเคยผ่านช่วงเวลาอันแสนจะโหดร้าย ในช่วงที่ตนดื่มเหล้ามาก และเจอปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัว ทำหลายสิ่งโดยที่ไม่คิด มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง โดยที่ร้ายแรงที่สุดคือ การทำร้ายร่างกายภรรยา ครอบครัวเป็นทุกข์ ไม่มีความสุขอย่างมาก จนภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง จึงได้ย้ายกลับบ้าน ที่ จ.อำนาจเจริญ
“เมื่อห่างจากเพื่อนในวงเหล้า จึงมีเวลาได้คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น จนสำนึกได้ว่าเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเองนั้น ทั้งหมดมาจากเหล้า ตั้งแต่นั้นมาจึงคิดที่จะเลิกอย่างเด็ดขาด หันตัวเองมาเข้าร่วมโครงการฯ ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือ เป็นหลังมือ ครอบครัวมีความสุข เพราะเมื่อไม่ดื่มเหล้าก็มีสติที่จะคิดถึงครอบครัว ลูก และคนอื่นๆในชุมชน”
ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาของชุมชนบ้านกลางคำ นายพรณรงค์ เล่าให้ฟังว่า การลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของชุมชนจะเน้น การเข้าไปพูดคุย ใกล้ชิด ใช้ความสนิทสนมสอดแทรกความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่แต่ละบ้านประสบ โดยชี้ให้เห็นว่าทุกอย่างมาจากเหล้าทั้งสิ้น พร้อมทั้งรณรงค์จัดงานต่างๆ ไม่ให้มีเหล้า เมื่อทุกคนในชุมชนช่วยเหลือกัน ปัจจุบัน ความรุนแรงในชุมชนแทบไม่มีให้เห็น ปริมาณการดื่มเหล้าก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง…
ด้านชุมชนไทยเกรียง จ.สมุทรปราการ นายนิพล วิชัย ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนฯ เล่าให้เราฟังว่า เดิมตนเป็นคนดื่มเหล้าหนักมาก เรียกได้ว่าดื่มแทนน้ำ ต้องพกติดตัวไว้จิบตลอดเวลา ไปทำงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ เพราะเมาตลอดเวลา
“กระทั่งลูกโต ผมว่ากล่าวตักเตือนลูกก็ไม่ฟังเรา เพราะเห็นว่าเราเมา ใจก็เลยฉุกคิดขึ้นมาว่าไม่อยากให้ลูกติดเหล้าเหมือนตัวเอง ณ วันนั้น เลยตั้งใจว่าจะเลิกเหล้าให้ได้ พยามอยู่หลายครั้งกว่าจะสำเร็จ ช่วงแรกที่เลิกเห็นได้ชัดว่าตัวเองจะมีอาการหงุดหงิด กินเยอะมาก แต่ไม่นานก็เป็นปกติ จึงเข้ามาเป็นอาสาสมัครในโครงการลด ละ เลิกเหล้าฯ”
ในชุมชนไทยเกรียง ถือเป็นเมืองที่มีประชากรที่เป็นประชากรแฝงอยู่จำนวนมาก เนื่องจากเป็นแหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งนายนิพล เล่าต่อว่า ตกเย็นก็จะมีการนั่งจับกลุ่มกินเหล้ากันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ต้องแบ่งแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงในชุมชนออกเป็น 3 หลักด้วยกันคือ เริ่มการลงเยี่ยมบ้าน โดยเน้นให้อาสาสมัครที่มีความสนิทกับคนในชุมชนอยู่แล้ว เริ่มพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ผลดี ผลเสียของเหล้าให้เห็น เมื่อเริ่มคล้อยตาม สุดท้ายก็ชักชวนให้มาเข้าร่วมโครงการ
ต่อด้วยการเข้าค่ายครอบครัว เป็นกิจกรรมที่เราจะเน้นให้พ่อ แม่ ลูก มีความสัมพันธ์กันมากขึ้น ด้วยการเน้นทำกิจกรรมร่วมกัน เนื่องจากครอบครัวส่วนใหญ่ พ่อแม่จะทำงานเป็นช่วงเวลา ทำให้ไม่มีเวลาอยู่กันพร้อมหน้า ความสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลง กิจกรรมนี้จะทำให้ทุกคนเล็งเห็นถึงคุณค่าของครอบครัว รัก เอาใจใส่กันมากขึ้น และสุดท้าย การรวมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน ก็เป็นกระบวนการของผู้ที่เลิกเหล้าได้สำเร็จแล้ว ก็ไปชักชวนเพื่อนที่ยังดื่มอยู่ให้หันมาเข้าร่วมโครงการต่อไปทำวนกันไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันคนในชุมชนมีปริมาณการดื่มลดลงอย่างมาก…
นายบรรเจิด รัตนมะลิกุล อาสาสมัครช่วยเหลือเรื่องการเลิกแอลกอฮอล์ ในโครงการลด ละ เลิกเหล้า จ.เชียงใหม่ เปิดเผยถึงประวัติอันขมขื่นของการดื่มเหล้าให้ฟังว่า ตนเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่วัยรุ่น เพราะเพื่อนชวน ดื่มเรื่อยมาจนถึงขั้นเริ่มขาดไม่ได้ต้องดื่มตลอด พอติดเหล้าหนักขึ้น ครอบครัวมีปัญหา ไม่มีเงินส่งให้ลูกเรียนหนังสือ ลูกก็เสียใจที่พ่อเอาเงินไปลงขวดจนหมด ครอบครัวเริ่มแตกแยก ภรรยาหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะทนเราไม่ไหว อีกทั้งสุขภาพเริ่มแย่ลง มีอาการเวียนหัว ความดันต่ำ เคยถึงขั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เงินทองไม่พอใช้ แถมถูกสังคมรังเกียจไม่ยอมรับอีกต่างหาก
“เป็นความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน พอหนักเข้าจึงคิดที่จะเลิกเหล้าให้ได้ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อลูก พอเริ่มทำแรกๆ ก็เริ่มจากลดปริมาณลง บอกได้เลยว่ามันก็ทรมานมาก เอาน้ำมาผสมบ้าง อาศัยกินกับแกล้มมากๆ บ้าง จนในที่สุดก็เลิกได้สำเร็จ เวลาเจอเพื่อน หรือเพื่อนมาชวนให้ไปดื่มเหล้า ก็บอกว่ากำลังป่วยหมอสั่งห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า เพื่อนได้ยินอย่างนั้น บางรายก็เริ่มกลัวจะป่วยบ้าง เลิกดื่มไปเลยก็มี เมื่อเลิกได้สุขภาพก็ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น เงินทองมีพอกินพอใช้ ครอบครัวก็ย่อมมีความสุขตามมา จึงผันตัวมาช่วยเหลือโครงการฯ ดังกล่าว”นายบรรเจิดกล่าวจบพร้อมรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
ภายหลังที่ เข้าร่วมโครงการ นายบรรเจิด ก็บอกกับเราต่อว่า คนในชุมชนมีหลายเผ่าพันธุ์ และที่สำคัญในภาคเหนือมักต้มเหล้าเถื่อนดื่มกันเอง การจะทำชุมชนปลอดเหล้าจึงเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกอย่างก็ต้องมีทางออกเสมอ…โดยแนวทางการแก้ปัญหาการลดละเลิกเหล้าของชุมชนฟ้าใหม่ เริ่มจากผู้นำชุมชนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ชุมชนได้เห็น เลิกเหล้าให้ได้ แล้วจึงเข้าไปช่วยเหลือชุมชนด้วยการเผยแพร่ความรู้ ผลกระทบที่ได้รับจากการดื่มสุราให้ในชุมชนได้ซึมซับต่อไป สำหรับตัวเองนั้นเคยผ่านช่วงเวลาที่เคยทำร้ายสุขภาพตัวเองด้วยการดื่มเหล้ามาก่อน พอมาเห็นคนอื่นเริ่มดื่ม หรือกำลังติดเหล้า เราก็อยากจะบอกว่ามันไม่ดี ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม และคอยช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ไม่ว่าเราจะช่วยได้มากหรือน้อยมันก็คือการช่วย ช่วยนิดหน่อยก็ดีกว่าไม่ช่วยกันเลย…
สุดท้าย นายบุญมี แซวรัมย์ แกนนำเครือข่าย จังหวัดชุมพร เล่าถึงความรู้สึกที่แย่ที่สุดในชีวิตว่า ตนเริ่มดื่มเหล้าเพราะเสียใจที่คุณแม่เสียชีวิต ตอนนั้นกระแสสังคมให้ความรู้สึกว่า การดื่มเหล้าช่วยขจัดความทุกข์ไปได้ โดยต้องกินวันละขวด วันไหนไม่ได้ดื่มจะรู้สึกหมดแรงทำงานไม่ไหว จึงต้องดื่มเพื่อกระตุ้นให้ทำงานรอด เมามายขาดสติ ถึงขั้นจำไม่ได้ว่า ภรรยาให้เงินมาซื้อนมให้ลูก แต่ตนลืมเอาไปดื่มเหล้ากับเพื่อน พอกลับมาบ้านลูกร้องไห้ไม่มีนมให้กิน ตนไม่มีทางเลือกจึงเอาน้ำตาลผสมน้ำให้ลูกกิน และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้ละอายแก่ใจอย่างมาก รู้สึกบาปกับสิ่งที่ทำกับลูกเป็นอย่างมาก ประกอบกับที่สุขภาพที่เริ่มแย่ลง จึงคิดที่จะเลิกดื่มเหล้าอย่างจริงจัง
“ตอนเลิกเหล้าช่วงแรกๆ ก็บอกได้คำเดียวว่าทรมานมาก กระวนกระวาย มืออยากจะหยิบแก้วขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ใจแข็งไว้ จนเลิกเหล้าได้สำเร็จ หลังจากเลิกสุขภาพก็ดีขึ้น ปัญหาในครอบครัวก็ไม่เกิด การเงินในครอบครัวก็ดีขึ้น มีเงินส่งลูกเรียนหนังสือจนจบ”
หลังจากที่ลุงบุญมีเลิกเหล้าสำเร็จ ก็เข้าร่วมโครงการโดยมีตำแหน่งเป็นแกนนำชุมชน ใช้ประสบการณ์ของตนเองตอนที่ติดเหล้าเป็นตัวอย่างในการให้ความรู้กับคนในชุมชน บอกถึงผลเสียของการดื่มเหล้า เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่สภาพร่างกายเราเท่านั้นที่เสีย แต่มันรวมไปถึงครอบครัว ชุมชนอีกด้วย…
แม้ว่าการหันหลังให้กับของมึนเมาที่บางคนดื่มจนเข้าขั้นเสพติด จะเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งสำคัญคือ “การเริ่มต้น”ที่จะทำ และวันนี้เรามีชุมชนที่ปลอดเหล้าเกิดขึ้นในประเทศของเราแล้ว ซึ่งมูลนิธิเพื่อนหญิงได้ถอดบทเรียนของชุมชนตัวอย่างทั้ง 4 ชุมชนออกมาเป็นหนังสือเพื่อให้ชุมชนอื่นได้ศึกษาเป็นแนวทางในการที่จะร่วมมือกันทำให้ทุกชุมชนในประเทศของเราปลอดเหล้า ปลอดความรุนแรงให้ได้
ทั้งนี้ ผู้สนใจหนังสือคู่มือ ลด ละ เลิกเหล้า = สร้างสุขให้ครอบครัวและชุมชน สามารถติดต่อขอรับได้ที่ มูลนิธิเพื่อนหญิง โทร. 0-2513-1001 องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ team content www.thaihealth.or.th
update:01-07-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่