เทคนิคใหม่ แก้ปัญหาวัณโรคดื้อยา
ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวพัฒนาห้องปฏิบัติการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของเชื้อวัณโรค จนสามารถตรวจหาลำดับเบสทั้งจีโนม ของเชื้อวัณโรคด้วยเทคนิควิเคราะห์ลำดับเบสรุ่นใหม่ได้สำเร็จช่วยให้การตรวจการกลายพันธุ์ของเชื้อวัณโรครวดเร็วขึ้น ลดปัญหาวัณโรคดื้อยาในประเทศ
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมายอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก แนะนำให้การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เป็น 1 ใน 3 เสาหลักเพื่อยุติวัณโรคตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์โดยสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์นำเทคโนโลยีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อวัณโรคมาช่วยยุติปัญหาวัณโรคในประเทศไทย ก่อนหน้านี้การถอดรหัสจีโนมของเชื้อวัณโรคจำกัดอยู่เฉพาะงานศึกษาวิจัย และนักวิจัยต้องส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ในต่างประเทศ ดังนั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโตเกียวพัฒนาบุคลากรและระบบห้องปฏิบัติการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมของเชื้อวัณโรค จนสามารถเปิดบริการตรวจหาลำดับเบสทั้งจีโนมของเชื้อวัณโรคด้วยเทคนิควิเคราะห์ลำดับเบสรุ่นใหม่ (Next Generation Sequencing)เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ทำให้การตรวจหาการกลายพันธุ์ (mutation)ของเชื้อวัณโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว และทราบสายพันธุ์ของเชื้อวัณโรค ช่วยวางแผนการสอบสวนการแพร่กระจายของเชื้อวัณโรค และทราบภาวะดื้อต่อยาต้านวัณโรคที่ครอบคลุมทั้งยาต้านวัณโรคแนวที่ 1 (first-line)และแนวที่ 2 (second-line)เพื่อเป็นแนวทางพิจารณาสูตรยาที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยวัณโรค
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวอีกว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังร่วมกับกรมควบคุมโรคในการถอดรหัสจีโนมของเชื้อวัณโรคภายใต้โครงการNational Surveillance of Drug resistance in Tuberculosisครั้งที่5จำนวน1,200ตัวอย่าง เพื่อช่วยให้เข้าใจสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อวัณโรค และวางแผนงานควบคุมวัณโรคสำหรับลดปัญหาวัณโรคดื้อยาของประเทศไทย
ทั้งนี้ การตรวจวิเคราะห์ที่พัฒนาขึ้นมีความไว ความจำเพาะสูง ช่วยลดขั้นตอนทางห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยาสำหรับทดสอบความไวต่อยาต้านวัณโรค ซึ่งต้องใช้เวลาในการทดสอบ 1-2 เดือน ในขณะที่การถอดรหัสจีโนมใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์เพียง 1 สัปดาห์ โดยในปีหน้าจะให้บริการถอดรหัสจีโนมของเชื้อวัณโรคแก่นักวิจัยในประเทศไทย และกลุ่มประเทศอาเซียนอีกด้วย