เตือนหลับในรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ..เสี่ยงเสียชีวิตไม่รู้ตัว

 

เตือนหลับในรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ..เสี่ยงเสียชีวิตไม่รู้ตัว

 

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนห้ามนอนหลับในรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ พร้อมแนะหากจำเป็นต้องใช้รถเป็นที่นอนหลับชั่วคราวระหว่างการเดินทาง ให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วดับเครื่องยนต์ทันที แง้มกระจกลงข้างละประมาณ 2 – 3 นิ้ว เพื่อระบายอากาศ จะช่วยให้อากาศในห้องโดยสารถ่ายเทสะดวกขึ้น ทำให้ปลอดภัยจากการสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้เสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว

นายวิบูลย์  สงวนพงศ์  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า หลายคนคงไม่คาดคิดว่าการนอนหลับในรถที่สตาร์ทเครื่องยนต์ไว้เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต  บ่อยครั้งจึงมักได้ยินข่าวมีผู้เสียชีวิตด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ที่มีส่วนผสมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสารพิษเข้าสู่ร่างกาย เพราะการสตาร์ทรถทิ้งไว้ ทำให้ไอเสียและก๊าซพิษจากภายนอกถูกพัดลมแอร์ดูดเข้ามาในห้องโดยสารส่งผลให้ผู้ที่นอนหลับในรถสูดดมสารพิษเข้าสู่ร่างกายทีละนิดจนเสียชีวิต เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องหากจำเป็นต้องจอดรถนอนในระหว่างการเดินทาง  ดังนี้ หากมีอาการง่วงนอนในขณะขับขี่ ให้จอดรถพักในบริเวณที่ปลอดภัยและเหมาะสม เช่น สถานีบริการน้ำมัน จุดพักรถริมทาง ป้อมตำรวจทางหลวง เป็นต้น เพื่อพักล้างหน้า ดื่มกาแฟ และปรับเปลี่ยนอิริยาบถ จะช่วยให้ร่างกายคลายอาการง่วงนอน กรณีที่จำเป็นต้องหลับในรถ  เมื่อจอดรถแล้วให้ดับเครื่องยนต์ทันที เพื่อป้องกันการเคลิ้มหลับ พร้อมลดระดับกระจกลงทุกข้างๆ ละประมาณ 2-3  นิ้ว เพื่อระบายอากาศและรับลมจากภายนอก  จากนั้นให้บิดกุญแจไปที่จังหวะออน  เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน แล้วจึงเปิดสวิทซ์แอร์ เมื่อเปิดแล้วให้หาปุ่มที่เขียนว่า a/c ซึ่งพัดลมแอร์จะช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสารรถหมุนเวียนและถ่ายเทสะดวกขึ้น  ที่สำคัญ  ไม่ควรนอนหลับในรถเป็นเวลานานเกินไป  ควรพักหลับประมาณ 30 – 40 นาที

ให้คลายอาการอ่อนล้า เมื่อหายจากอาการง่วงนอนแล้วค่อยเดินทางต่อ จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน และการเสียชีวิตจากการนอนหลับในรถ สุดท้ายนี้ เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้รถเป็นสถานที่พักหลับเพราะการสูดดมก๊าซพิษปริมาณมากเข้าสู่ร่างกาย  ทำให้เสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว

 

 

ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

Shares:
QR Code :
QR Code