เด็ก 12 ขวบเริ่มสูบยาเส้นหลงผิดว่าเท่
ศจย. เผยผลวิจัย โครงการกระบวนการเพื่อการเรียนรู้ฯ ในกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า พบยังมีการซื้อยาเส้นแบบมวนและเคี้ยวเป็นจำนวนมาก โดยเริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 12 ปี เสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ กล่องเสียง มะเร็ง และโรคหายใจขัด
นายปฏิภาณ อายิ นักวิจัยอิสระ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยผลการวิจัย โครงการกระบวนการเพื่อการเรียนรู้ สู่การสร้างความตระหนัก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ ในกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า กรณีศึกษา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ว่า ปัจจุบันประเทศไทย มีชาวอาข่าอาศัยอยู่ประมาณ 1 แสนคน อยู่ใน 7 จังหวัด งานวิจัยได้เก็บตัวอย่างจาก 6 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบลของ อ.แม่สรวย พบว่าวัฒนธรรมของกลุ่มชาวเขาแต่เดิมนิยมปลูกใบยาสูบเพื่อสูบและเคี้ยว แต่ปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดๆ
นายปฏิภาณกล่าวว่า แต่ละเดือนพบว่า ชาวอาข่า ซื้อยาเส้นแบบมวนและเคี้ยวไม่ต่ำกว่า 4 ห่อ เฉพาะค่ายาเส้น 100 บาทต่อคน ส่วนชาวอาข่าที่อยู่ในเมือง จะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาเส้นประมาณ 150 บาทต่อคนต่อเดือน เช่น ชาวอาข่าในหมู่บ้านแสนเจริญ ประชากรรวม 1,004 คน มีคนสูบยาเส้นถึง 435 คน หรือ ร้อยละ 43.3 ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีขั้นต่ำถึง 522,000 บาท ถือว่าสูง ส่วนใหญ่ผู้สูบจะอยู่ในช่วงอายุ 50 ปี และเริ่มลดลงในกลุ่ม 30-50 ปี แต่กลุ่มเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี ยังมีทัศนคติผิดๆ ว่า การสูบบุหรี่หรือยาเส้นทำให้ดูดีเป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อน ครั้งแรกเริ่มจากการอยากลอง แต่กลายเป็นการติดบุหรี่และยาเส้น โดยพบเด็กอายุต่ำสุดเริ่มสูบที่ 12 ปี
“โรคที่เจอจากการสูบยาเส้นและเคี้ยวหมากพลูที่ผสมยาเส้น ลำดับแรก คือ ปัญหาระบบทางเดินหายใจ ระบบกล่องเสียงและมะเร็ง และพบโรคหายใจขัด แสบคอ จมูก หายใจไม่สะดวก หอบหืด วัณโรค เป็นต้น และมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยที่เป็นกลุ่มผู้ใช้ยาเส้นโดยพบว่า ผู้สูบยาเส้นและเคี้ยวหมากพลู ที่เข้ารับการบำบัด และได้ยาจาก ร.พ.ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นยาตัดยาเส้น ยาขยายหลอดลม และยาอื่นๆ เพื่อบรรเทาอาการให้ทรงตัวอยู่ต่อไปจำนวนมาก และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยที่ใช้ยาเส้นจะเข้าสู่ระบบการรักษาจำนวนมากขึ้น” นายปฏิภาณกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด