เด็กไทยติดบุหรี่เป็นอันดับ3 ช่วยลด-เลิกสูบ
แฟ้มภาพ
เด็กไทยติดบุหรี่อันดับ 3 อาเซียน วิจัย "โปรเจกท์ เอ็กซ์" ทดลองหาวิธีช่วยเลิก พบเริ่มสูบแล้วเลิกยาก แต่เลิกได้ด้วยบทเรียนฝึกฝนความสามารถทางสังคม-ทักษะการเอาชนะอิทธิพลของสังคม อย่างน้อย 6 สัปดาห์
ทพญ.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ในเด็กไทยพบว่ามีอัตราสูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน เมื่อเทียบจากการสำรวจการสูบบุหรี่ในเยาวชน ระหว่างปี 2550-2556 อัตราการสูบบุหรี่ของเด็กชายไทยอายุ 13-15 ปี ที่สำรวจในปี 2552 เป็นร้อยละ 20 ซึ่งรองมาจากประเทศอินโดนีเซีย อยู่ที่ร้อยละ 41 กับมาเลเซีย ร้อยละ 31 ส่วนอัตราการสูบบุหรี่ของเด็กหญิงไทยอายุ 13-15 ปี คือ ร้อยละ 3.8 ซึ่งต่ำกว่าเด็กหญิงในประเทศบรูไน, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, กัมพูชา และสิงคโปร์ แม้แนวโน้มการสูบบุหรี่ในภาพรวมไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปี 2557 กับปี 2552 อยู่ที่ร้อยละ 20.7 แต่จำนวนคนสูบบุหรี่มีมากขึ้น และการติดบุหรี่ในเยาวชนที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะไม่สามารถเลิกไปได้ราว 20 ปี
ผศ.ดร.ปัญญรัตน์ ลาภวงศ์วัฒนา อาจารย์คณะสาธารณสุข มม. หัวหน้าโครงการวิจัยเลิกบุหรี่ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (โปรเจกท์เอ็กซ์) ปี 2557 สนับสนุนโดย ศจย. กล่าวว่า โปรเจกท์เอ็กซ์ใช้บทเรียน 8 บท ครั้งละ 40 นาที ในเวลา 6 สัปดาห์ และวัดผลซ้ำ 3 เดือน เน้นจัดการความเครียด การเผชิญการขาดนิโคติน เทคนิคการผ่อนคลาย การจัดการความโกรธ ควบคุมตนเอง จัดการอารมณ์ เพื่อลดความเสี่ยงการกลับมาสูบซ้ำ ซึ่งพบว่า ปัจจัยที่ทำให้เยาวชนอ้างว่าไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ คือ อิทธิพลของสังคม การติดสารเคมีของบุหรี่ และขาดแรงจูงใจ
ผศ.ดร.ปัญญรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการทดลองกลุ่มตัวอย่างที่สูบบุหรี่ 52 คน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้เข้าโครงการ 46 คน พบว่าความพยายามในการเลิกบุหรี่ในกลุ่มทดลอง ที่ตอบว่าวางแผนเลิกเดี๋ยวนี้ และเลิกบุหรี่ได้แล้วขณะนี้ ในช่วงก่อนการทดลอง มีร้อยละ 3.8 และ 1.9 และเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 15.4 และ 13.5 ตามลำดับ หลังการทดลอง 3 เดือน ส่วนนักเรียนกลุ่มเปรียบเทียบตอบว่า วางแผนเลิกเดี๋ยวนี้ และเลิกบุหรี่ได้แล้วขณะนี้ มีร้อยละ 0.0 และ 2.2 ช่วงก่อนการทดลองและเป็นร้อยละ 8.7 และ 2.2 หลังการทดลอง 3 เดือน และพบว่า ร้อยละ 44.2 ของกลุ่มทดลองสูบบุหรี่ลดลง และร้อยละ 7.7 เลิกบุหรี่ได้ต่อเนื่อง 3 เดือน ส่วนกลุ่มเปรียบเทียบมีร้อยละ 19.6 ที่สูบบุหรี่ลดลง และร้อยละ 2.2 เลิกบุหรี่ได้ต่อเนื่อง 3 เดือน ทำให้สามารถสรุปได้ว่า เริ่มสูบแล้วเลิกยาก แต่สามารถเลิกได้ด้วยบทเรียนฝึกฝนความสามารถทางสังคม และทักษะการเอาชนะอิทธิพลของสังคม อย่างน้อย 6 สัปดาห์
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก