เดินหน้าแก้กฎหมาย ‘เมาแล้วปั่น’
แฟ้มภาพ
ปัจจุบันมีการพูดถึงและแสดงความเห็นเป็นวงกว้าง เกี่ยวกับกรณีเมาสุราแล้วปั่นจักรยาน แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ แต่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าไม่ได้ทำผิดตามกฎหมาย เพราะบทบัญญัติเฉพาะในมาตรา 84 เป็นเรื่องกฎจราจรที่เกี่ยวกับจักรยาน แต่ไม่รวมเมาแล้วปั่นผิด และจักรยานไม่ใช่รถ
ทั้งที่ข้อบังคับอีกด้านตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ว่า "รถ" รวมยานพาหนะทุกชนิด ยกเว้นรถไฟและรถราง ดังนั้นเมาแล้วปั่นผิด จึงทำให้เกิดการตีความในด้านที่แตกต่างกันออกไป
กระแสการปั่นจักรยาน ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้กับการออกกฎหมายเพื่อดูแลความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนนจึงมีความสำคัญ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยจัดการประชุมโต๊ะกลมระดมความคิดเห็นประเด็น "เมาแล้วปั่น ควรแก้กฎหมายหรือไม่" โดยมี ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเมาไม่ขับ เครือข่ายผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังคม ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางร่วมกัน
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวถึงอัตราการเกิดอุบัติเหตุของประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย 24,237 คน เป็นอันดับที่ 2 ของโลก และจากข้อมูลเฝ้าระวังการบาดเจ็บ กระทรวงสาธารณสุข จาก 33 โรงพยาบาล รอบ 4 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2553-2556) อุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยาน และสามล้อปั่น ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 12,583 คน เฉลี่ยปีละ 25 คน คิดเป็นร้อยละ 18.5 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด
"ดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้จักรยาน จนเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต" ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ระบุ
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะชนิดใดก็ตาม หากผู้ขับขี่เมาแล้วจะขับหรือปั่นก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ทั้งสิ้น ซึ่งอันตรายมากต่อผู้ขับขี่และประชาชนที่สัญจรไปมา หากมีกฎหมายกำหนดขึ้นมาอย่างชัดเจนเพื่อลดดุลพินิจ ก็จะเป็นเรื่องดี ซึ่งในต่างประเทศมีการกำหนดขึ้นมาชัดเจนแล้ว เพราะการเมาแล้วปั่น ก็อันตรายเทียบเท่ากับเมาแล้วขับ เนื่องจากทำให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้
"ทุกวันนี้กฎหมายยังมีข้อบังคับใช้ที่แตกต่างกัน จึงควรมีการพัฒนาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการใช้จักรยานให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อรองรับการใช้จักรยานบนท้องถนนร่วมกับยานพาหนะอื่น อีกทั้งยังทำให้เกิดการยอมรับและเห็นความสำคัญของการใช้จักรยานมากขึ้นด้วย ดังนั้น สิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้ คือการรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักกฎหมายบนท้องถนน รู้จักการใช้จักรยานอย่างปลอดภัย และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ก่อนที่จะแก้กฎหมายว่าเมาแล้วปั่นผิด" ด้าน พรเทพ ดิษยบุตร ตัว แทนเครือข่ายผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน วัย 53 ปี ให้ความคิดเห็น
ด้าน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ชมรมจักรยานฯ เป็นเหมือนหน่วยงานประสานและขับเคลื่อน จึงจัดให้มีการระดมความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวขึ้น ซึ่งทาง ชมรมฯ ร่วมกับทางศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิเมาไม่ขับ และเครือข่ายผู้ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน รณรงค์ร่วมกัน อีกทั้งเป็นการสร้างความเข้าใจกับนักปั่นรวมถึงประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการใช้จักรยานบนท้องถนนอย่างปลอดภัย และเมาแล้วไม่ควรปั่นจักรยาน
"ถามถึงความเป็นไปได้ของการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเมาแล้วปั่น ก็ย่อมเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ดังนั้นการออกกฎหมายรองรับเรื่องนี้อย่างชัดเจน จึงเหมือนเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้"นพ.แท้จริง เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวสรุป.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดย พรประไพ เสือเขียว