เข้าใจโรคหัดใน 5 นาที ลดอาการรุนแรงกว่าที่คิด

ที่มา: กองโรคป้องกันด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

                  โรคหัด (Measles) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด เชื้อหัดสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในชุมชน โรงเรียน หรือครอบครัว หากมีผู้ป่วยเพียงคนเดียว ดังนั้นการรู้เท่าทันอาการ วิธีติดต่อ การดูแลรักษา และการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ

                  โรคหัดเกิดจากอะไร

                  โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัสหัด (Measles Virus) ซึ่งสามารถติดเชื้อในผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่มีภูมิคุ้มกัน โดยเป็นโรคที่องค์การอนามัยโลกและหลายประเทศตั้งเป้าจะกำจัดให้หมดในอนาคตอันใกล้

                  อาการของโรคหัด

                  ระยะแรก ผู้ป่วยมักมีอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่

  • ไข้ น้ำมูกไหล ไอแห้ง

  • ตาแดง แสบตา น้ำตาไหล เมื่อเจอแสง

  • ปากและจมูกแดง

                  ต่อมา 3–4 วันจะเริ่มมีไข้สูงและพบ ผื่นนูนแดงเป็นปื้น โดยเริ่มจากหลังหู ลามไปใบหน้า ลำตัว แขน และขา ใช้เวลาประมาณ 2 วันในการกระจายทั่วร่างกาย หลังจากนั้นไข้จะค่อย ๆ ลดลง

                  โรคหัดติดต่ออย่างไร

                  เชื้อไวรัสหัดสามารถแพร่กระจายผ่าน

  • น้ำมูก

  • น้ำลาย

  • เสมหะ

  • ละอองฝอยจากการไอ จาม หรือพูดคุย

                  ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1–2 วันก่อนเริ่มมีผื่น ไปจนถึง 4 วันหลังผื่นขึ้น ซึ่งทำให้โรคนี้แพร่กระจายได้ง่ายมากในกลุ่มคนใกล้ชิด

                  การดูแลผู้ป่วยโรคหัด แนวทางดูแลผู้ที่สงสัยหรือป่วยเป็นโรคหัด ได้แก่

  1. แยกผู้ป่วย อย่างน้อย 4 วันหลังเริ่มมีผื่น เพื่อลดการแพร่เชื้อ

  2. หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันบกพร่องเข้าใกล้หรือดูแลผู้ป่วย

  3. รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ เช็ดตัว และยาแก้ไอที่ช่วยขับเสมหะเมื่อจำเป็น

  4. ให้รับประทานอาหารอ่อนที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

  5. โรคหัด ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ

  6. หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูงมาก ซึม ชัก หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก ให้รีบพบแพทย์ทันที

                  การป้องกันโรคหัด โรคหัดป้องกันได้ด้วย วัคซีน MMR (หัด–คางทูม–หัดเยอรมัน) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด

                  สำหรับเด็กกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ฉีด 2 เข็ม

  • เข็มที่ 1: อายุ 9 เดือน

  • เข็มที่ 2: อายุ 2 ปีครึ่ง

    สำหรับผู้ใหญ่ ผู้ที่ไม่เคยป่วยหรือไม่เคยได้รับวัคซีน แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด 1 เข็ม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

                  ข้อห้ามในการรับวัคซีน MMR

  • หญิงตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยง และต้องคุมกำเนิดอย่างน้อย 28 วันหลังฉีดวัคซีน

  • ผู้ที่มี ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น รับยาต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือรับยาสเตียรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด

  • ผู้ที่ แพ้ยานีโอมัยซิน หรือเคยแพ้วัคซีนรุนแรง (Anaphylaxis)

                  ถ้าพบว่าเด็กฉีดวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนให้ครบได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ 

Shares:
QR Code :
QR Code