เข้มป่วยท้องร่วงจากเยอรมนี หวั่น”เชื้ออี-โคไล”ระบาดในไทย
กรมควบคุมโรคแนะผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงที่มีประวัติเดินทางมาจากเยอรมนี ให้พบแพทย์อย่าซื้อยากินเอง เสี่ยงเสียชีวิต พร้อมแจ้งสถานพยาบาลทุกแห่ง ให้ระมัดระวังรักษาบุคคลกลุ่มนี้เป็นกรณีพิเศษ
วานนี้ (2 มิ.ย.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันโรคจากเชื้อแบคทีเรียอี-โคไลชนิดผลิตสารพิษชิกา shigatoxin-producing e.coli (stec) หลังพบการระบาดเพิ่มขึ้นจากประเทศเยอรมนีไปยังประเทศอื่นในยุโรป โดยองค์การอนามัยโลกรายงานวันที่ 27 พ.ค.พบผู้ป่วยกลุ่มอาการเม็ดเลือดแดงแตกและไตวาย haemolytic uraemic syndrome (hus) จำนวน 276 ราย เสียชีวิต 3 ราย โดยผู้ป่วยทุกรายมีประวัติเดินทางไปเยอรมนี
นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามประชาชนไม่ต้องวิตก ขณะนี้ยังไม่พบโรคอุจจาระร่วงจากเชื้ออีโคไล ชนิดโอ 104 ในประเทศไทย แต่กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีระบบการเฝ้าระวังโรคนี้อย่างเข้มงวด ทั้งการเฝ้าระวังด้านระบาดวิทยาและห้องปฏิบัติการ รวมทั้งติดตามสถานการณ์จากต่างประเทศอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ได้แจ้งเตือนสถานพยาบาลให้ระมัดระวังในการรักษาผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศเยอรมนีเป็นพิเศษ
สำหรับโรคอุจจาระร่วงชนิด stec นี้มีความรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องถ่ายเหลว อาจมีเลือดปน มีไข้ อาเจียน ส่วนใหญ่จะหายภายใน 10 วัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก และไตวายทำให้เสียชีวิตในที่สุด อัตราการตายสูงถึงร้อยละ 5 แต่โรคนี้รักษาและสามารถป้องกันได้ สามารถทำลายด้วยความร้อนตั้งแต่70 องศาเซลเซียสขึ้นไป การป้องกันทำเช่นเดียวกับการป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารทั่วๆ ไป ได้แก่ ปรุงสุก อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน การรับประทานอาหารร่วมกันให้ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ
ที่มา : หนังสือพิมพ์astvผู้จัดการ