อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19

เรื่องโดย ฉัตร์ชัย นกดี Team Content www.thaihealth.or.th


ข้อมูลประกอบจาก หนังสือสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก


ภาพโดย ปารมี ขันธ์แก้ว Team Content www.thaihealth.or.th


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


วันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันที่คนไทยควรภาคภูมิใจที่เรามีภาษาประจำชาติเป็นของตัวเอง และเพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ภาษาไทย ให้แก่เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่


สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จัดกิจกรรมอ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 ชวนพ่อแม่และคนใกล้ชิดมาใช้พลังแห่งการอ่าน เสริมทักษะชีวิตในยุคโควิด-19 เพื่อสุขภาวะ พัฒนาศักยภาพ สร้างกระบวนการเรียนรู้


“การอ่านเป็นทักษะสำคัญในการเรียนรู้ภาษา การอ่านเป็นกระบวนการที่ต้องฝึกฝน ยิ่งฝึกอ่านมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอ่านได้คล่อง และเข้าใจเรื่องที่อ่าน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้” เป็นมุมมองของ “ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม” ผู้ช่วยผู้จัดการ สสส. และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส.


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


ดร.นพ.ไพโรจน์ ให้ข้อมูลว่า จากผลสำรวจการอ่านของประชากร ปี 2561 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไป อ่านหนังสือร้อยละ 78.8 หรือคิดเป็นจำนวนประชากร 49.7 ล้านคน กลุ่มที่ไม่อ่าน มีร้อยละ 21.2 คิดเป็นจำนวนประชากร 13.7 ล้านคน ไม่สนใจการอ่าน


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


ดร.นพ.ไพโรจน์ บอกต่อว่า การปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพสมองและกระบวนการเรียนรู้ เพื่อสร้างทักษะชีวิตกลุ่มเด็กเล็กในอนาคต ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถมีส่วนช่วยได้ เช่น การเล่านิทานให้เด็กฟังเป็นประจำจะช่วยทำให้เด็กรักการอ่าน ลดพฤติกรรมติดจอ และการอ่านยังสัมพันธ์ต่อการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ทั้งการเรียน การใช้ชีวิต และการดูแลสุขภาพ


จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีผลกระทบเกิดขึ้น ทั้งการประกาศปิดสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย อาทิ ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน ทำให้เด็กๆ ที่หยุดอยู่บ้านขาดกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. เล่าว่า การส่งเสริมการอ่านและการเล่นผ่านสิ่งที่เด็กๆ ชอบ จะสามารถช่วยพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้อย่างรอบด้าน ทั้งทักษะเท่าทันสื่อ ความรอบรู้ด้านสุขภาพ รวมไปถึงทักษะป้องกันตนเองจากโควิด-19 ได้


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


โดยนิทานที่มีภาพประกอบจะช่วยเสริมจินตนาการ เกิดทักษะในการคิดวิเคราะห์ ตีความ มีการใช้ศัพท์ที่ง่าย ทำให้เด็กเข้าใจและรักการอ่าน เพียงแค่เริ่มใช้เสียงในการอ่านหนังสือ นิทาน และการปฏิสัมพันธ์กับเด็กในครอบครัว ให้เด็กได้เข้าใจ และเปล่งเสียงออกมา จะช่วยพัฒนาทักษะการพูดของเด็กได้


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


“การอ่านพาก้าวออกสู่โลกกว้าง เป็นทักษะทางภาษาสามารถนำไปสู่การสร้างพลังพลเมืองที่ตื่นรู้ หวังว่าพ่อแม่และผู้ดูแลเด็กจะได้ใช้ทักษะการเล่านิทาน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กๆ ในช่วงเวลาที่ยังต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้าน” นางสุดใจ กล่าว


สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบอ่านหนังสือให้ลูกฟัง วันนี้มีเคล็ดลับการอ่านให้ลูกฟัง เพื่อลูกน้อยจะได้รับประโยชน์จากการอ่าน ดังนี้


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


1. ตั้งใจอ่านอย่างอบอุ่น


จับลูกนั่งตัก อยู่ในท่าทางที่สบาย บรรยากาศผ่อนคลาย กอดหอมกันตามใจชอบ แล้วลงมืออ่านหนังสือให้ลูกฟัง เติมสีสันการอ่านด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนานหรือตื่นเต้น โดยอาจจะชี้นิ้วไปตามรูปภาพหรือตัวอักษร คอยซักถามชวนลูกคิดตามไปด้วยหลังจากอ่านจบเรื่อง


2. สร้างกิจกรรมหลังการอ่าน


ยกตัวอย่าง อ่านเรื่องผีเสื้อก็ชวนลูกไปดูของจริง ชวนวาดรูประบายสีหรือพับกระดาษเป็นผีเสื้อ เพื่อกระตุ้นและฝึกให้ลูกรู้จักความคิดสร้างสรรค์ และยังเป็นเวลาแสนสนุกของครอบครัวอีกด้วย


3. เลือกหนังสือให้เหมาะกับวัย


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


วัยก่อน 1 ปี ควรเลือกหนังสือที่มีภาพขนาดใหญ่ ทนทาน ทำความสะอาดได้ ทำด้วยวัสดุที่ปลอดภัย มีสีสันสดใส


ช่วง 1-2 ปี  มีภาพคนและสัตว์ เรื่องราวสั้นๆ มีคำคล้องจอง ใช้อักษรตัวโตๆ กระดาษหนาทนทานให้เด็กเปิดอ่านเองได้


อ่านสร้างสุข อยู่บ้านต้านโควิด-19 thaihealth


ช่วง 2-3 ปี เนื้อหาควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งรอบตัว และกิจวัตรประจำวันง่ายๆ ที่ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้


วัย 4-6 ปี  เนื้อหาหรือเรื่องราวต้องทำให้ลูกเกิดอารมณ์ร่วม เพราะกระทบความรู้สึกนึกคิดบางอย่าง หรือเชื่อมโยงกับการเรียนรู้รอบๆ ตัว มีภาษาที่สละสลวย ไพเราะ คำคล้องจองที่อ่านอย่างมีจังหวะนั้น ยังเหมาะสำหรับลูกวัยนี้อยู่มาก ที่สำคัญคือ ตัวอักษรที่ใหญ่ ชัดเจน มีหัว เพื่อลูกจะได้จำรูปแบบตัวอักษร รูปแบบคำ และรูปแบบประโยคอย่างถูกต้อง ควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อเรื่องบ่มเพาะนิสัยที่พึงประสงค์ให้เก็บเด็ก เช่น การดูแลสุขภาพ การมีวินัย เป็นต้น


การที่เด็กต้องหยุดอยู่บ้านนานๆ อาจทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กลดลง ดังนั้นการอ่านจึงเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ แถมยังช่วยฝึกให้มีสมาธิได้อีกด้วย   สสส. ขอสนับสนุนการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทย เติบโตในโลกกว้างอย่างมีคุณภาพ

Shares:
QR Code :
QR Code