อุบลฯ ดึงชุมชนร่วมล้างอบายมุข
ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลฯ นักวิจัยโครงการแนวทางการแก้ปัญหาอบายมุขที่ส่งผลกระทบต่อหนี้สินของคน พบ คนในชุมชนติดอบายมุขทุกรูปแบบ ทั้งเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะกลายเป็นสิ่งที่กระทำเป็นประจำ
นายสมนึก พวงพันธ์ หัวหน้าทีมวิจัยการสร้างเสริมสุขภาพ เผยว่า จากโครงการแนวทางการแก้ปัญหาอบายมุขที่ส่งผลกระทบต่อหนี้สินของคน ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า ปัญหาคนในชุมชนติดอบายมุขทุกรูปแบบ อาทิ ไพ่ ไฮโล หวย มวยตู้ ติดเหล้า บุหรี่และยาเสพติด จากการเก็บข้อมูลโดยสำรวจเป็นรายครัวเรือนที่มีประชากรรวมกว่า 5,000 คน พบว่าชาวชุมชนเป็นหนี้ที่เกิดจากอบายมุขรวมกว่า 4,556,850 บาทต่อเดือน
ชาวบ้านมองว่าหนี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะกลายเป็นสิ่งที่กระทำเป็นประจำ ไม่เคยตระหนักเลยว่าเงินที่ต้องเสียไปคือเงินรายได้ที่ต้องมาใช้จุนเจือครอบครัวและเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
ช่วงแรกการเข้าเก็บข้อมูล และให้ความรู้เพื่อชักจูงให้เกิดความตระหนักต่อการเลิกอบายมุขนั้นทำได้ยาก ถูกมองว่าเป็นชาวบ้านด้วยกันเองไม่ใช่หน่วยงานจากภาครัฐจึงไม่เกิดความน่าเชื่อถือ ต้องอาศัยความคุ้นเคยดึงให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน
กระบวนการการทำงานต้องพยายามทำให้เห็นข้อเท็จจริงผ่านบัญชีครัวเรือน ให้เห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง พยายามใช้เงื่อนไขนี้สร้างการมีส่วนร่วมโดยการพูดคุย ทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดกระบวนการลด ละ เลิก อบายมุข
ด้าน น.ส.ศิวพร ปกป้อง ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิโครงการวิจัยและพัฒนาการสร้างเสริมสุขภาพบอกว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ชุมชนต่างตื่นตัวในการเข้าไปจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชุมชนของตัวเองไม่รอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาพบว่าการเข้ามาสนับสนุนโดยหน่วยงานรัฐจะเป็นเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ขาดความต่อเนื่อง และยังสนับสนุนในเรื่องของเงินทุนโดยไม่มองที่บริบทของปัญหาในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด