อีกหนึ่งแรงมือและแรงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน
อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ ที่พี่น้องชาวไทยในหลายพื้นที่กำลังประสบภัยพิบัติอยู่นั้น นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มิอาจลืมได้ เพราะถือเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง ที่มีปริมาณน้ำมหาศาลไหลท่วมท้นกินหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันน้ำใจไทย คนไทยไม่ทิ้งกันก็ดูจะทำให้ในยามทุกข์ยาก คนไทยยังพอมีรอยยิ้มแบ่งปันด้วย “จิตอาสา” ของพี่น้องร่วมชาติทุกคน
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้เข้าไปร่วมสนับสนุนการทำงานของภาคีเครือข่ายที่ออกมารวมน้ำใจในการส่งความช่วยเหลือให้กับพี่น้องร่วมชาติทั้งกลุ่มอาสาดุสิต และศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หรือ Thaiflood โดยความร่วมมือกับอีกหลายๆ องค์กร อาทิ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนต่างๆ
นอกจากนี้ยังได้ร่วมใจร่วมแรงบรรจุข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัย โดยใช้บริเวณห้องโถงใหญ่ของธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่เป็นแหล่งรวมกำลังใจ กำลังสิ่งของ ซึ่งมีประชาชนที่ทราบข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียของอาสาฟื้นฟูประเทศไทย ที่มากันเป็นครอบครัว องค์กร เพื่อนฝูงจูงมือกันมาร่วมทำความดีมากมาย
โดยนายกิตติพงษ์ อิ่นแก้ว ตัวแทนเครือข่ายอาสาดุสิต บัณฑิตจบใหม่จากรั้วศิลปากร ที่เป็นอีกหนึ่งแรงประสานที่ลงมาทำงานร่วมด้วยช่วยกันในครั้งนี้ ที่เข้าร่วมกลุ่มอาสาดุสิตมาตั้งแต่คราวน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช บอกว่า การร่วมกันบรรจุข้าวของเครื่องใช้จำเป็น ช่วยผู้ประสบภัยในครานี้ ประกอบด้วย สิ่งของจำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ขนมกรุบกรอบ อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม เทียนไข ถุงดำ และอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากหลายภาคส่วน รวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าว และแม้ในบางครั้งการบรรจุสิ่งของเหล่านี้จะประสบปัญหาอยู่บ้าง ในเรื่องของกำลังคน หรือสิ่งของที่ไม่พอดีกับจำนวนถุงยังชีพ แต่กิตติพงษ์ก็บอกว่า ปัญหาเหล่านั้นก็มักจะถูกปรับแก้ไขผ่านไปได้เสมอ เพราะแรงใจและแรงกายของพี่น้องชาวไทยที่ร่วมกัน โดยการบรรจุข้าวของงเครื่องใช้ในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 จุด คือที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ย์ และธนาคารกรุงไทยโดยหลังจากบรรจุสิ่งของเรียบร้อยแล้วจะนำลงพื้นที่ประสบภัยต่างๆ
กิตติพงษ์ ยังได้ฝากไปยังอีกหลายกำลังใจที่อาจจะคิดเพียงว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยต้องใช้เงินหรือข้าวของเครื่องใช้ในการบริจาคเท่านั้นว่า แรงกายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะร่วมไม้ร่วมมือได้ เพราะในบางครั้งที่ร่วมกันบรรจุสิ่งของ ก็ขาดกำลังคนหรือรถที่ใช้ขนของ แต่หากมาไม่ได้จริงๆ ก็สามารถให้กำลังใจผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือเข้าไปในเว็บไซต์ของอาสาดุสิต ร่วมเป็นกำลังใจอีกแรงหนึ่ง
บรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และอบอวลไปด้วยกระแสของการ “ให้”ในการบรรจุข้าวของเครื่องใช้ในครั้งนี้ เรายังมองเห็นความอบอุ่นของหลายครอบครัวที่มาร่วมด้วยช่วยกัน อย่างครอบครัวของ น้องอชิ ด.ช.กิตติภูมิ ทองสุวรรณ วัย 6 ขวบ ที่แม้บางคนอาจจะมองเห็นความซุกซน ที่เป็นไปตามวัยของน้องอชิก็ตาม แต่น้องอชิกลับสามารถช่วยงานในครั้งนี้ได้อย่างน่ารัก ที่ทำให้ใครหลายคนแอบอมยิ้ม เพราะมือน้อยๆ ของอชิ ช่วยกรอกข้าวสารลงในถุงเล็กๆ แม้จะหกบ้าง แต่อชิก็ยินดีที่จะทำ และพยายามทำต่อให้ได้ บางครั้งก็เลือกที่จะเก็บถุงขยะที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งถือเป็นงานที่ง่ายกว่ากรอกข้าวสาร และลงตัวแล้วกับงานชิ้นน้อยของอชิ
นางสุมาลี เผือกศรีพันธุ์ เจ้าหน้าที่การเงินของ สสส.มารดาของอชิ กล่าวว่า การที่พาลูกมาช่วยครั้งนี้ก็ตั้งใจที่จะให้ลูกรู้จักช่วยเหลือคนอื่น โดยตัวเด็กเองก็มีความกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยเหลือ แม้ว่าอาจจะซนไปบ้างในบางครั้ง แต่อย่างน้อยการได้มาทำตรงนี้จะช่วยปลูกฝังให้รู้จักการทำงาน การแบ่งปัน เรื่องจิตอาสา นอกจากนั้นเวลาที่ดูข่าวน้ำท่วม ก็จะสอดแทรกเรื่องของการรักษ์สิ่งแวดล้อม ชี้ให้เห็นว่าการตัดไม้ทำลายป่าจะส่งผลต่อธรรมชาติอย่างไรบ้าง
“อชิเองกระตือรือร้นที่อยากจะมามาก ตื่นตั้งแต่เช้า เราก็อยากให้เค้ารู้จักการช่วยเหลือสังคม โดยต้องปลูกฝังตั้งแต่เล็กๆ จะไม่บังคับ ปล่อยเค้าอิสระ การปลูกฝังเรื่องจิตอาสาเวลาที่มีการทำอะไรแบบนี้ เราก็จะชวนเค้ามา หรือขับรถไปเจอ ก็จะมอบของที่จะช่วยได้ แล้วก็อยากฝากไปถึงหลายคนนะคะว่า กำลังทรัพย์ไม่สำคัญเท่ากับใจที่จะช่วย เหมือนบรรยากาศในวันนี้ทุกคนตั้งใจช่วยกันอย่างเต็มที่เลยค่ะ” นางสุมาลีกล่าว
นอกจากจะมีเด็กเล็กแล้ว เด็กโตอย่าง น้องแนน วรัญญา น้อยดี จากโรงเรียนสตรีวัดระฆัง บอกว่า ใช้เวลาว่าง เว้นจากการไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ชักชวนเพื่อนๆ มาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม เพราะสิ่งที่ทำนั้นทำให้สังคมได้รับประโยชน์ นอกเหนือจากความสุขส่วนตัวที่ตนได้รับ และจะเห็นได้ว่าเยาวชนไทยในปัจจุบันนี้มีเรื่องของจิตอาสาอยู่มาก แต่อาจมีส่วนน้อยที่จะขาดไป ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองควรปลูกฝังให้ตั้งแต่เด็กๆ เพราะถือเป็นเรื่องที่ดีต่อสังคม อย่างที่ตนมาทำวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
น.ส.มาฆะรัตน์ อัมพรเกียรติพล เจ้าหน้าที่จากสำนัก 4 สสส. กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวผ่านเฟซบุ๊กของหน่วยงานก็ชักชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันทำ และทุกคนก็มาด้วยใจ ไม่มีการบังคับกัน เพราะรู้สึกว่าเราคนกรุงเทพฯ ไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเหมือนในหลายจังหวัด ที่ผู้ประสบภัยมีความลำบากมาก หากเราช่วยได้ เราก็ยินดีที่จะทำอย่างเต็มที่ ส่วนหลายคนที่คิดว่าต้องบริจาคเงินอย่างเดียวเท่านั้น อยากให้คิดว่าแม้หากไม่มีทุนหรือกำลังทรัพย์เพียงพอ ก็ยังมีอีกหลายช่องทางที่จะช่วยเหลือได้ อย่างที่ทำกันวันนี้ก็ต้องการอาสาสมัครเข้ามาช่วย
แม้ปริมาณน้ำที่ท่วมท้น จะท่วมทุกข์ใจให้กับชาวไทยหลายคน แต่กำลังสำคัญของคนไทยที่ไม่ทิ้งกันในวันนี้จะเป็นสายธารที่พร้อมหลั่งไหลไปยังผู้ประสบภัยทุกคน และหากแม้นว่าน้ำจะเหือดแห้งไปในคราใด แต่น้ำใจไทยจะยังคงอยู่ไหลรินตลอดกาล
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์