อย่าตื่น! สัตว์เลี้ยงไม่แพร่หวัด09

ยื่นยันไม่พบเชื้อย้อนกลับสัตว์สู่คน

 

 อย่าตื่น! สัตว์เลี้ยงไม่แพร่หวัด09

         สธ.เตือนประชาชนอย่าตื่น! หลังจีนกลัวแมวแพร่เชื้อสู่คน ระบุในไทยยังไม่พบแมวติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้โอกาสคนติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงมีน้อยมากขณะนี้ผลการวิจัยทั่วโลกยังไม่พบแมวเป็นแหล่งแพร่โรคไข้หวัดใหญ่2009 “มานิต”เผยวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 ล็อตแรกมาถึงไทย ธ.ค.นี้ เตรียมฉีดให้หญิงตั้งครรภ์กลุ่มแรก 2.1 แสนโดส

 

          นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนต่างประเทศรายงานว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่งผวาเชื้อหวัด 2009 กลัวว่าแมวอาจแพร่เชื้อให้นักศึกษา จึงกำจัดแมวไร้เจ้าของภายในรั้วมหาวิทยาลัยกว่า 50 ตัวว่า จากข้อมูลพบว่าสัตว์ทั้งหลายมีโอกาสที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้อยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้จากการเฝ้าระวังร่วมกับกรมปศุสัตว์  ยังไม่พบแมวติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่อย่างใดส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีนยังคงต้องติดตามเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น สำหรับการรักษาสัตว์หลังติดเชื้อเนื่องจากสัตว์เลี้ยงมีขนาดเล็กกว่าคนอาจใช้วิธีการแบ่งยาโอเชลทามิเวียร์ให้กิน

 

          นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า หากประชาชนพบสัตว์เลี้ยงในบ้านมีอาการป่วยเข้าข่ายเชื้อไข้หวัดใหญ่2009 ให้นำสัตว์ดังกล่าวไปรักษากับสัตวแพทย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการดูแลสัตว์มากกว่า สธ.หรือแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบ ซึ่งแม้ว่าจะมีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ในสัตว์ แต่โอกาสที่จะติดเชื้อมาสู่คนน้อยมาก เนื่องจากเชื้อโรคมีความไวและเหมาะสมแตกต่างกันระหว่างสัตว์กับคน  เชื้อโรคในสัตว์จะเจริญเติบโตได้ดีในสัตว์ ส่วนเชื้อในคนก็จะเจริญเติบโตในคน โอกาสที่เชื้อจากคนจะไปเจริญเติบโตในสัตว์หรือโอกาสที่เชื้อจะย้อนกลับจากสัตว์มาสู่คนจึงมีน้อย

 

          ด้าน น.สพ.พลายยงค์ สกะระเศรณี ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรคกล่าวว่า ขอย้ำให้ชาวไทยผู้ที่ชอบเลี้ยงแมว อย่าตื่นตระหนกข่าวที่จีนเนื่องจากจากการติดตามข้อมูลการศึกษาวิจัยทั่วโลก ยังไม่มีข้อมูลว่าแมวเป็นแหล่งแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่2009 และยังไม่พบโรคไข้หวัดใหญ่2009 ในคนติดต่อสู่แมว

 

          นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อดูระบบความพร้อมการผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ชนิดแคปซูลในการสำรองยาและวัคซีนรับมือกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า จากการตรวจสอบยาที่รักษาไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้งวัตถุดิบและยาที่บรรจุแคปซูลแล้วพบว่าขณะนี้มียาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ประมาณ 50 ล้านกว่าเม็ดเพียงพอต่อการใช้แน่นอน โดยมีวัตถุดิบพร้อมที่จะผลิตเพิ่มอีก40 ล้านเม็ด นอกจากนี้องค์การเภสัชกรรมมีหน้ากากอนามัยเพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อไว้ 7 ล้านกว่าชิ้นและได้สำรองเพิ่มอีก 3 ล้านชิ้น

 

          นายมานิตกล่าวต่อว่า  สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ล็อตแรกที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ จะมาถึงประเทศไทยจำนวน 1 ล้านโดสในเดือนธันวาคม 2552 จากนั้นอีก 1 ล้านโดสจะมาถึงในเดือนมกราคม2553 ซึ่งจำนวนวัคซีน 1 ล้านโดสแรกจะแบ่งเป็น 1. วัคซีนแท้ 100 เปอร์เซ็นต์(Antigen) จำนวน 210,000 โดส สำหรับฉีดให้แก่หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากในหญิงตั้งครรภ์มีร่างกายอ่อนแอ จึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนแท้2. วัคซีนผสม สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน(Adjuvant) เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงทั่วไป 790,000 โดส

 

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน

 

 

 

Update: 06-11-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร

Shares:
QR Code :
QR Code