อบรมครูนำร่องสอนเท่าทันสื่อในโรงเรียน

สื่อปัจจุบันเป็นยิ่งกว่าพ่อแม่ของเด็ก เป็นเหตุเด็กปฐมวัย 1 ใน 3 มีพัฒนาการต่ำกว่าเกณฑ์ ไอคิวเด็กวัยรุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาใช้กระบวนการสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสร้างโรงเรียนนำร่องการสอนเท่าทันสื่อในโรงเรียน

มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยและมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา โดยการสนับสนุนของสถานบันสื่อเด็กและเยาวชน จัดอบรมเชิงปฏิบัติการแนวทางการสร้างกระบวนการเท่าทันสื่อในโรงเรียน กับครูระดับประถมและมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร ณ วีเทรน อินเตอร์เนชั่นแนล เฮ้าส์ ดอนเมือง

นางสาวเข็มพร วิรุฬราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน กล่าวถึงความสำคัญในการเท่าทันสื่อว่า เด็กนั้นเป็น 1 ใน 3 ของประชาการของประเทศ สื่อปัจจุบันเป็นยิ่งกว่าพ่อแม่ของเด็ก เพราะเด็กใช้เวลากับสื่อเฉลี่ยวันละ 8 ชม. ความถี่ในการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมของละครในช่วงเวลาของเด็ก-เยาวชนนั้น จากการศึกษา พบว่าโดยเฉลี่ยมีความรุนแรงเกิดขึ้น 3 ครั้งต่อชั่วโมง นำเสนอเรื่องอคติภาพตัวแทน 1 ครั้ง/ชม. ด้านภาษา 0.25 ครั้ง/ชม. ในเรื่องเพศ 0.13 ครั้ง/ชม

“การโฆษณา เด็กเห็นโฆษณา 42 ครั้ง(20นาที )ใน 1ชั่วโมงหรือ 23%ของเวลารายการทีวี เด็กไทยซื้อขนมกินเฉลี่ย คนละ 9,800 บาทต่อปี ผลที่ตามมาก็คือภาวะทุโภชนาการขาดและเกิน 1 ใน 10 ของเด็กวัยเรียนจะเป็นโรคอ้วน เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ทำให้กระทบรายได้ของประเทศลดลง 2- 3% ค่ารักษาโรคอ้วนกว่าเจ็ดหมื่นล้านบาท สื่อสร้างค่านิยมฟุ่มเฟือย ตามแฟชั่น เด็กปฐมวัย 1 ใน 3 มีพัฒนาการต่ำกว่าเกณฑ์ ไอคิวเด็กวัยรุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังพบอีกว่าวัยรุ่นไทยอยู่ในค่านิยมการบริโภค ขาดทักษะชีวิตและการแก้ปัญหา และจากตัวเลขการศึกษายังพบอีกว่า 5.1% ของเด็ก วัยรุ่น มีปัญหาสุขภาพจิตและพฤติกรรม เด็กถูกทารุณทางเพศเฉลี่ยวันละ 40 คน เด็กไทยชอบเกมรุนแรงถึงร้อยละ 50 ทีเดียว” นางสาวเข็มพร กล่าว

นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มถึงช่องทางการรับสื่อว่ามีมากมายนอกจากช่องฟรีทีวีแล้วยังมีทีวีดาวเทียม ทีวีดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก 48 ช่องรายการ หนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุ อินเทอร์เน็ตทีวี, mobile tv

“สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคือการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลอีก 48 ช่อง ที่ส่งตรงถึงมือเด็กได้มากขึ้นทั้งละคร ตบจูบนำเสนอเรื่องเพศและความรุนแรงเป็นตัวดึง รายการโทรทัศน์ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ความรุนแรงจากการนำเสนอข่าว ภาพข่าวการฆ่าหั่นศพ ชุมชนและคนในครอบครัว รวมถึงโรงเรียนต้องช่วยกันขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี สร้างภูมิคุ้มกัน เท่าทันสื่อ โดยใช้กระบวนการสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสร้างทักษะชีวิตนั้นก็คือ  “ การอ่านสื่อออก เขียนสื่อได้ ” โดยมี 4 กระบวนการ

1.การรับสื่อดี จะช่วยสร้างจินตนาการและจิตสำนึกใหม่

2.ศึกษา หาข้อมูล โดยอ่านมากขึ้น เรียนรู้จากผู้อื่น ศึกษาชุมชน

3.ผลิตสื่อ –สื่อสาร เพื่อให้เด็กเห็นศักยภาพ เห็นคุณค่าตน ฝึกให้ทำงานกลุ่ม ให้รับผิดชอบต่อผลที่เกิด สะท้อนความคิดสู่สังคม

และ 4.สร้างทักษะในการเท่าทันสื่อ โดยฝึกให้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ วิจารณ์สื่อได้  

หลังการนำกระบวนการนี้ไปใช้แล้ว จะเกิดการรู้ว่าสื่อดี ไม่ดี แยกแยะได้   คิดวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ได้   ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับสื่อ ไปจนถึงถ่ายทอด บอกต่อ ใช้ประโยชน์ได้ มีปฏิกริยาโต้ตอบ(สะท้อนปัญหา ชมเชย ) มีส่วนร่วมในการแก้ไข/พัฒนาสื่อในรูปแบบต่างๆ เป็นพลเมืองที่กระตือรือร้นและมีส่วนร่วมได้” ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน กล่าว

การจัดกรรมสร้างกระบวนการเท่าทันสื่อในโรงเรียน กับครูระดับประถมและมัธยมว่า ใช้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้

กิจกรรมที่1 เราถูกโอบล้อมด้วยสื่อและสารสนเทศ เพื่อให้รู้ถึงการใช้สื่อในแต่ละวัน ในช่วงเวลาต่างๆ แล้วนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้สื่อและอิทธิพลของสื่อนั้น

กิจกรรมที่ 2 รู้เท่าทันสื่อและสารสนเทศอย่างไร โดยให้วิเคราะห์สื่อประเภทต่างๆ แล้วอิปรายและสรุปร่วมกันว่าการเท่าทันสื่อและสารสนเทศหมายถึงอะไร และมีผลจากการไม่เท่าทันสื่อและสารสนเทศเป็นอย่างไรบ้าง

กิจกรรมที่ 3 สื่อใหม่ที่ต้องระมัดระวัง เพื่อให้วิเคราะห์สื่อใหม่เปรียบเทียบกับสื่อเก่าได้ บันทึกผล อภิปรายและสรุปร่วมกันว่าแนวทางการรู้เท่าทันสื่อใหม่ทั้งสื่ออินเทอร์เน็ตและ social media

อนึ่งการอบรมครั้งนี้มีครูเข้าร่วมอบรม 23 โรงเรียน มีการคิดวางแผนรูปแบบการจัดกิจกรรมอบรมนักเรียนในโรงเรียน เพื่อเป็นโรงเรียนนำร่องทดลองการเรียนการสอนเท่าทันสื่อในโรงเรียน

 

 

ที่มา : สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน 

Shares:
QR Code :
QR Code