ห้องเรียน 4.0 เทคโนโลยีพัฒนาการศึกษา

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


ภาพประกอบจากแฟนเพจสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว


ห้องเรียน 4.0 เทคโนโลยีพัฒนาการศึกษา thaihealth


จากการสำรวจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าปัจจุบันพฤติกรรมของคนโดยทั่วไปใช้อินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยเกือบ 7 ชั่วโมงต่อวัน และครอบคลุมทุกเจเนอเรชั่น


โครงการพัฒนาศักยภาพครู ศึกษานิเทศก์ แกนนำเด็กและเยาวชน ในการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาความเป็นพลเมือง "อ่านสื่อรู้ ดูสื่อเป็น เห็นสื่อต่าง สร้างสื่อได้" หรือเรียก สั้น ๆ ว่า โครงการ TT-Teacher Training for Digital and Literacy โดยมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. จึงเกิดขึ้น


ดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช ผู้จัดการมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ในฐานะผู้จัดการโครงการฯ บอกว่า สื่อออนไลน์และสื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยและสังคมโลกมากขึ้น การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันสื่อเพื่อให้สามารถใช้สื่อต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงเป็นเรื่องจำเป็น โครงการ TT จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพครูเพื่อให้สามารถใช้ข่าวสาร สื่อ และแหล่งเรียนรู้รอบตัว โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนให้แก่นักเรียนได้


ดร.ศรีดา กล่าวอีกว่า ครูแกนนำจะต้องพัฒนาแกนนำเด็กและเยาวชนเพื่อขยายผลไปสู่กลุ่มเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องในโรงเรียน ขณะเดียวกันครูแกนนำก็ต้องขยายผลไปสู่ครูโรงเรียนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งนอกจากการรู้เท่าทันสื่อ และใช้สื่อได้อย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์แล้ว เรายังมุ่งหวังให้ครูสามารถใช้สื่อดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนได้ด้วย และเป็นที่น่าดีใจว่า นอกจากเครื่องมือที่ทางโครงการ TT นำเสนอให้ ครูที่เข้าร่วมโครงการฯ ยังค้นหาเครื่องมือใหม่ ๆ และนำมาแบ่งปันในกลุ่มเพื่อนครูด้วยกันเอง หรือโรงเรียนบางแห่งนักเรียนเป็นผู้สอนให้ครูได้ใช้เครื่องมือหรือสื่อใหม่ ๆ ในการเรียนการสอนอีกด้วย บรรยากาศการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น หากขยายผลไปได้ครอบคลุมทุกโรงเรียน ก็จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และเด็กไทยก็จะสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ครูนุ้ย-นาง สาวชไมพร สุธรรมโรงเรียนดงเจนวิทยาคม จังหวัดพะเยา กล่าวว่า หลังจากที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้นำความรู้ไปขยายผลต่อในโรงเรียนให้กับครูและนักเรียน ซึ่งในระยะแรกมีเพียงกลุ่มครูที่อายุยังน้อยเข้าร่วมโครงการ แต่กลุ่มครูอาวุโสไม่สนใจ จึงใช้วิธีโพสต์กิจกรรมหรือการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ลงในกลุ่มไลน์ของครูในโรงเรียน ทำให้ครูท่านอื่น ๆ ให้ความสนใจ


"เราได้นำผลการใช้สื่อหรือเครื่องมือ ต่าง ๆ โพสต์ลงในไลน์กลุ่มครูของโรงเรียน เช่น แอพพลิเคชั่น Zip grade ซึ่งใช้ในการตรวจข้อสอบ จากเดิมเคยต้องใช้เวลาตรวจข้อสอบเด็กนักเรียนหนึ่งห้อง 2 ชั่วโมง พอมีเครื่องมือเราใช้เวลาเพียง 10 นาที และสามารถตรวจแบบ Realtime ต่อจอโปรเจคเตอร์แสดงผลให้เด็ก ๆ ได้ลุ้นผลคะแนนของตนเองในห้องเรียน ทำให้เกิดการตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น ครูที่ปฏิเสธเทคโนโลยีก็เริ่มสนใจ เราจึงใช้วิธีการจับคู่ครูวัยรุ่นกับคู่กับครูสูงวัย เพื่อเป็นพี่เลี้ยงแบ่งปันความรู้กันและกัน การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานของครู ทำให้มีเวลาใส่ใจกับการเรียนการสอนเด็กมากขึ้น"


ด้าน น้องบาย-นายสิทธินันท์ จันทมล นักเรียนชั้นม.5 โรงเรียนเลยอนุกูลวิทยา กล่าวว่า การนำสื่อดิจิทัลมาใช้ในการเรียนการสอนทำให้บรรยากาศในชั้นเรียนสนุกขึ้น จากแต่ก่อนที่ครูจะใช้หนังสือ เขียนกระดานดำหรือใช้สไลด์ แต่ปัจจุบันครูมีเครื่องมือในการเรียนการสอนมากขึ้น ทำให้ห้องเรียนไม่น่าเบื่อ และทำให้นักเรียนกับครูใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย


ห้องเรียนในยุค 4.0 จึงเป็นยุคที่คุณครู สามารถหยิบจับสื่อดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนได้อย่างเข้าใจและทันสมัย ส่งผลให้สังคมไทยมีเด็กและเยาวชน ที่ "อ่านสื่อรู้ ดูสื่อเป็น เห็นสื่อต่าง สร้างสื่อได้"

Shares:
QR Code :
QR Code