ห้องเรียนชีวิตของ “ตาแว่นขี้เมา”
เริ่มต้นใหม่แบบไร้แอลกอฮอล์
ความผิดพลาดใหญ่ของมนุษย์จะมีสักกี่เรื่อง สำหรับ สมคิด ชาวเมืองกรุง วัย 55 ปี ตั้งแต่จำความได้เขาไม่ชื่นชอบคนที่ดื่มเหล้าที่สุด และที่บ้านไม่มีใครดื่มเหล้าเลย แต่มาเริ่มดื่มเหล้าอายุประมาณ 25 ปี ในช่วงวัยของการทำงานแล้ว นี่คือความผิดพลาดในชีวิตของเขาที่ยอมให้น้ำเมาเข้ามาในชีวิต
โดยครั้งแรกที่ดื่มเหล้าเพราะขัดเพื่อนไม่ได้ และดื่มต่อมาเรื่อยๆ ด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้น เมื่อออกไปทำงานในฐานะพนักงานสูบส้วมคอยบริการประชาชน ก็มักจะมีสินน้ำใจจากชาวบ้านติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ เช่น เหล้า กับแกล้ม ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ
หลังจากนั้นก็ดื่มเป็นประจำ เงินเดือนที่ได้มาก็ไม่พอต้องกู้เงินมาหมุนใช้เดือนต่อเดือน แต่ในปัจจุบันได้เลิกเหล้ามา 5 ปีแล้ว เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ชีวิตของตัวเอง พร้อมปวารณาตัวนำบทเรียนชีวิตขี้เหล้าของเขาให้สังคมได้เรียนรู้
สมคิด ชาวเมืองกรุง ปัจจุบันเป็นพนักงานสำนักงานเขตลาดพร้าว กล่าวว่า สาเหตุที่เลิกยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ เพราะอยากเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกหลาน ที่ผ่านมาคนทั่วไปอาจจดจำภาพของตนในฐานะตาแว่นขี้เมา เพราะในแต่ละวันดื่มเหล้าเมามาก ดื่มจนประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เช่น กลางคืนต้องไปให้บริการสูบส้วม แต่เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปก็ทำงานไม่ไหว ต้องให้พนักงานคนอื่นทำแทน ส่งผลให้หัวหน้างานไม่เชื่อถือ
นอกจากนี้ร่างกายเริ่มแย่ อ่อนแอลงเรื่อยๆ ตาเริ่มมองไม่เห็น แต่ที่ตัดสินใจเลิกจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิด ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตนดื่มเหล้าจนเมา และอาเจียน ลูกหลานมาเห็นถึงกับหัวเราะพูดล้อเลียนว่า “ตาแว่นขี้เมาๆ” เมื่อได้ยินตอนนั้นรู้สึกมีสติขึ้นมาทันที กลับมามองตัวเองก็พบว่าทำไมถึงใช้ชีวิตไร้คุณค่าแบบนี้ ก็เลือกที่จะไม่ข้องแวะกับของมึนเมาทุกชนิด
สมคิดกล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่เลิกเหล้า เชื่อหรือไม่ว่ามีเงินเก็บมากขึ้น เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับเรื่องเหล้า กับแกล้ม แล้วยังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับร่างกาย แม้น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น แต่สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี กลับมาให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพ ได้ไปหาหมอรักษาตาซึ่งละเลยมานาน พอไปตรวจก็พบว่าเป็นโรคต้อกระจก ขณะนี้กำลังรักษาอยู่
นอกจากนี้ ก็มีเรี่ยวแรงทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ก็มีภารกิจชักชวนให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำด้วยจิตอาสาไม่มีค่าตอบแทน เน้นเพื่อนๆ น้องๆ ที่ทำงานในสำนักงานเขตลาดพร้าว
“เพื่อนๆ พนักงานมีนักดื่มจำนวนมากทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว เช่น พนักงานกวาดถนน พนักงานสูบส้วม พนักงานเก็บขยะ บางคนดื่มในขณะทำงานด้วย เรียกว่า อยู่ในขั้นติดเหล้าก็ได้ เพื่อนบางคนเสียชีวิตลงจากการดื่มเหล้าก็มีเยอะ อย่างพนักงานสูบส้วมเมาเหล้าตกรถตายขณะนั่งรถ พนักงานกวาดขยะดื่มเมาจนนอนตายในวงเหล้า ผมเชื่อว่า ถ้าลด ละ เลิก การดื่มแอลกอฮอล์จะลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุระหว่างทำงานได้มาก ผมก็พยายามชักชวนเพื่อนร่วมงานให้เลิกดื่มเหล้า แล้วก็จะเลี่ยงไม่เข้าร่วมวงเหล้า เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีนำร่องให้กับคนอื่นๆ” พนักงานสำนักงานเขตลาดพร้าวกล่าว
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ความผิดพลาดในชีวิตของตัวเองจากการกินเหล้าเมามาย ไม่ใส่ใจกับหน้าที่การงานเท่าที่ควร แต่กลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ ทำให้คุณค่าในตัวเองเพิ่มขึ้นมาก คำพูดเป็นที่เชื่อถือจากคนรอบข้าง เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกๆ หลานๆ สามารถแนะนำสั่งสอนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทุกวันนี้ไม่มีภาพตาแว่นขี้เมาอีกต่อไป มีสติในการดำเนินชีวิต และกำหนดเส้นทางเดินชีวิตของตัวเองให้มีประโยชน์กับสังคม ไม่เป็นภาระให้กับประเทศชาติ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update 19-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์