ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

แฟ้มภาพ

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนไปนาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามการที่ไม่ได้ไปเรียนหรือมีสังคมปกติตามวัย ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตเด็กทุกช่วงวัย บางรายมีการเรียนรู้ถดถอย

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตเด็กทุกช่วงวัย โดยผลสำรวจ Mental Health Checkin ข้อมูลสะสม ณ วันที่ 19-25 ก.ย.64 โดยผู้ตอบแบบประเมิน 2,045 ราย พบเด็กมีความเครียดสูงถึงร้อยละ 29.29 ภาวะหมดไฟในการเรียนร้อยละ 16.67 สูงกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 3 เท่า บางรายมีการเรียนรู้ถดถอย ปัญหาด้านอารมณ์จิตใจส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไม่ได้ไปเรียนหรือมีสังคมปกติตามวัย พบภาวะติดเกม ติดโทรศัพท์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการระบาดในระลอกที่ผ่านมา พบการติดเชื้อของเด็กจากสมาชิกในครอบครัว จึงจำเป็นต้องพิจารณาเร่งการฉีดวัคซีนในภาวะฉุกเฉินในกลุ่มเด็กวัยรุ่น ซึ่งอาจสร้างความไม่สบายใจกับเด็ก ผู้ปกครองและครู

พญ.อัมพร กล่าวว่า การสื่อสารทำความเข้าใจข้อมูลวัคซีนและความเสี่ยง รวมทั้งการเปิดพื้นที่ให้ผู้ปกครองและเด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินใจจึงมีความสำคัญอย่างมาก เด็กควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะเลือกรับวัคซีนหรือไม่ หลังได้รับข้อมูลรอบด้าน โดยคำนึงถึงประโยชน์และผลข้างเคียง หากเด็กมีความกังวลหรือกลัวการฉีด ควรเปิดโอกาสให้เด็กสามารถรอ และเลือกรับวัคซีนเมื่อพร้อมประเด็นสำคัญคือ ต้องไม่นำประเด็นวัคซีนมาเป็นการตีตราหรือล้อเลียนกัน (bully)