หยุดสูบบุหรี่…ก่อน “มะเร็งปอด” ถามหา

 

หยุดสูบบุหรี่…ก่อน “มะเร็งปอด” ถามหารู้ไหม?..ในบุหรี่มีสารเคมีกว่า 4 พันชนิด และเป็นสารพิษกว่า 250 ชนิด นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารก่อมะเร็งกว่า 50 ชนิดและจากข้อมูลของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ พบว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้สูบบุหรี่ 1,300 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตจากโรคกว่า 25 ชนิดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละ 3.5 ล้านราย หรือทุกๆ 9 นาทีจะมีคนตาย 1 คน โดยเฉพาะจาก โรคมะเร็งปอด ที่คร่าชีวิตคนถึงปีละ 1.2 ล้านคน เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดของผู้ชาย

 

สำหรับในประเทศไทย มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2 รองจากโรคเอดส์ โดยมีผู้เสียชีวิตปีละกว่า 40,000 คน และมีผู้ป่วยใหม่ปีละเกือบ 20,000 คน!!

 

มะเร็งปอด เป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นของทั้งเพศชายและหญิง อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่นั่นเอง…เพราะผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด กว่า 90% ล้วนมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ เพราะผู้สูบมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่ต้องสูดดมควันบุหรี่ของผู้อื่นก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดด้วยเช่นกัน

 

นอกจากการสูบบุหรี่แล้ว การสัมผัสกับสารแอสเบสทอส ซึ่งเป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น การก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค คลัช ฉนวนความร้อน อุตสาหกรรมสิ่งทอ เหมืองแร่ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผู้ที่ทำงานใกล้ชิดและสัมผัสฝุ่นแอสเบสทอส ทำให้เกิดการสะสมอยู่ในร่างกาย จนป่วยเป็นมะเร็งปอดในที่สุด และในกรณีที่มีการสูบบุหรี่และทำงานกับฝุ่นแร่แอสเบสทอสด้วย จะเสี่ยงต่อการป่วยมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 90 เท่าทีเดียว นอกจากนี้ผู้ที่ทำงานในเหมืองใต้ดินก็มีความเสี่ยงจากการได้รับ เรดอน ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการสลายตัวของแร่ยูเรเนียม ในหินและดิน กระจายอยู่ในอากาศและน้ำใต้ดิน เป็นผลให้ผู้ที่ทำงานในเหมืองใต้ดินเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดสูงขึ้นได้

 

มลภาวะในอากาศรอบๆ ตัวเราก็มีผลต่อการเกิดมะเร็งในปอดได้เช่นกัน อาทิ ควันพิษจากรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานถลุง อย่างเหล็ก โครเมียม นิเกิล แคดเมียม โรงงานน้ำมัน ดินน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น พันธุกรรม ผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคถุงลมโป่งพอง วัณโรค เป็นต้น

 

สำหรับอาการของมะเร็งปอดนั้น ในระยะแรกผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการใดๆ ส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงเมื่อโรคลุกลามมากแล้ว โดยจะมีอาการไอเรื้อรัง ลักษณะไอแห้งๆ นานกว่าธรรมดา บางครั้งมีเสมหะหรือมีเลือดออก น้ำหนักลดรวดเร็ว เบื่ออาหาร ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก อาการเหล่านี้อาจเกิดร่วมกับโรคอื่นๆ ได้ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกแล้วว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดซึ่งอาการที่พบส่วนใหญ่เป็นอาการที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงว่าจะเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายได้ จึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้า และโดยเฉลี่ยผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งปอดจะมีชีวิตอยู่ได้หลังจากเริ่มมีอาการเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน หรือร้อยละ 80 จะเสียชีวิตภายใน 1 ปี แม้ว่าจะให้การรักษาอย่างดี ก็จะมีอัตราการรอดชีวิตเพียงร้อยละ 2 ถึง 5 เท่านั้น ดังนั้น หากมีอาการดังกล่าว ควรจะมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกๆ ปีอีกด้วย

 

หยุดสูบบุหรี่…ก่อน “มะเร็งปอด” ถามหา


แต่!!!อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เพราะโรคมะเร็งปอดเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการยึดหลัก กินเป็น อยู่เป็น ไม่เป็นมะเร็ง ที่ต้องบอกเช่นนี้ เพราะความจริงแล้ว ถึงแม้มะเร็งจะเป็นโรคที่น่ากลัว และไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ แต่เราสามารถป้องกันตัวเองไม่ให้ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้ค่ะ

 

            กินเป็น…พฤติกรรมการกินถือว่ามีผลอย่างมากต่อการป้องกันมะเร็งค่ะ เพียงแค่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมกับวัย โดยกินอาหารให้หลากหลาย อย่ากินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเป็นประจำ เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆ ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และหลีกเลี่ยงการสะสมสารพิษที่อาจแอบแฝงมากับอาหารค่ะ

 

นอกจากนี้ยังต้องเลือกกินอาหารที่ประกอบด้วยธัญพืช เช่น เมล็ดถั่วต่างๆ งา ข้าวโพด ข้าวกล้อง มันฝรั่ง มันเทศ และกินพืชผักผลไม้สดให้มากเป็นประจำตามฤดูกาล กินผักผลไม้สดวันละ 500 กรัมเป็นประจำ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารที่กิน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้กว่า 20% ไม่กินอาหารที่เค็มหรือหวานเกินไป นอกจากนี้ อาหารหลายชนิดยังมีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่ผ่านการปิ้ง ย่าง รมควัน ควรกินให้น้อยลงอีกด้วย

 

            อยู่เป็น…รู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ด้วยการทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงจากอบายมุขอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการก่อมะเร็ง เพราะผู้สูบบุหรี่มากกว่า 20 มวน/วัน นาน 10 ปี จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเป็นโรคมะเร็งปอด 8 -10 เท่าของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ หากิจกรรมที่ก่อประโยชน์กับสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อออกกำลังกายเรียกเหงื่อ ก็จะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สามารถต่อสู้กับโรคร้ายได้

 

            สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ถ้าหยุดสูบสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ถึง 60 70% เพราะจากคำบอกเล่าของ ผศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พบว่า เพียงแค่คุณเลิกบุหรี่ 20 นาที ความดันเลือด และชีพจรจะเต้นในระดับปกติ ภายใน 24 ชม. ปอดเริ่มจัดเสมหะและสิ่งสกปรกต่างๆ อันเกิดจากบุหรี่ออกจากร่างกาย หากหยุดสูบ 1 สัปดาห์ ระบบเลือดจะไหลเวียนสู่แขนขาได้ดีขึ้น สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่ ผ่านไป 3-9 เดือน จะสังเกตได้ว่าไม่มีปัญหาการไอ ระบบหายใจดีขึ้น เมื่อเข้าสู่ปีที่ 5 อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดจะลดลงครึ่งหนึ่ง หากเลิกได้ถึง 10 ปี อัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดจะลดลงครึ่งหนึ่ง

 

หรือ…ไม่สูบเลยมาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องเสี่ยงเป็นโรค มะเร็งปอด อีกต่อไป

 

            ใครที่อยากเลิกบุหรี่ ก็ถือโอกาสดีเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้เป็นฤกษ์ดีที่จะอำลาม่านควัน ลด ละ เลิกบุหรี่… ก่อนที่บุหรี่จะฆ่าคุณ!!!

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update 28-05-52

 

  




เรื่องที่เกี่ยวข้อง

– เตือน!!ควันบุหรี่กำลังจะฆ่าคุณ 

คำขวัญ วันงดสูบบุหรี่โลก            

ข้อความรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่        

หมอประกิตหนุนขึ้นภาษีบุหรี่          

วันโรคหืดโลกทำบ้าน-รถปลอดบุหรี่       

บุหรี่สูบน้อยๆ ไม่เป็นไรจริงหรือ?              

ผู้หญิงรุ่นใหม่ต้องไม่สูบบุหรี่              

ชี้! ควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง     

ควันบุหรี่มือสอง มหันตภัยร้ายทำลายสังคม    

บุหรี่ ตัวสารพัดสารเคมี     

ควันบุหรี่มือสอง ภัยจากบุหรี่ที่เราไม่ได้สูบ     

แนะ…ขั้นตอนการเลิกบุหรี่   

เอเขียเสี่ยงโรคจากบุหรี่       

บุหรี่มือสาม อันตรายกว่าที่คิด      

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code