หยั่งราก ผลิใบ ‘สามพรานโมเดล’

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย ดุลยปวีณ กรณฑ์แสง


ภาพประกอบจากสามพรานโมเดล


หยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealth


ก้าวที่ไม่เคยหยุดเดิน  ทำให้ "สามพรานโมเดล"  มีเรื่องราวมากมายให้เล่าถึง จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในรั้วโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ ขยายสู่การสนับสนุนให้เกษตรกรในนครปฐมปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์


จนเป็นที่มาของโครงการสามพรานโมเดล ซึ่งขับเคลื่อนโดยมูลนิธิสังคมสุขใจในปี 2553 ด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)


นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ อรุษ นวราช ในฐานะเลขาธิการมูลนิธิสังคมสุขใจ เล่าถึงที่มาของการ ขับเคลื่อนสามพรานโมเดลว่า สังคมไทยเดินมาถึงยุคที่เรากำลังตกอยู่ในวังวนของ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพที่ซ่อนอยู่ในห่วงโซ่อาหาร ปัจจุบัน 35 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทย หรือราวๆ 20 กว่าล้านคน มีอาชีพเป็นเกษตรกร ซึ่งเกือบทั้งหมด 99 เปอร์เซ็นต์พึ่งพาสารเคมีในการผลิตอาหารเพื่อป้อนสู่ตลาด นอกจากสุขภาพที่ติดลบทั้งคนปลูกคนกินแล้ว เกษตรกรส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้นอกระบบ ต้องขายผลผลิตในราคาที่พ่อค้าคนกลางเป็นผู้กำหนด กลายเป็นผลกระทบที่ตามมาทั้งต่อสังคม สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม โดยมีต้นทางปัญหามาจาก "ระบบอาหาร ที่ไม่สมดุล"


หยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealthหยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealth


การจะแก้ไขปัญหานี้จึงต้องทำอย่างครบวงจรและรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่าย


เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนของการเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ของโครงการสามพรานโมเดลคอยเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ การสร้างให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการวางแผน การผลิต การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การแปรรูป และการตลาด ซึ่งถือเป็นรูปแบบที่เกษตรกรสามารถพึ่งตนเอง


อีกหนึ่งการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม คือ การหาช่องทางตลาดใหม่ๆ เพื่อเป็นการเชื่อมตรงระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภค เช่น การแจ้งเกิด "ตลาดสุขใจ" หนึ่งในตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุด แห่งหนึ่งของเมืองไทยซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ที่สวนสามพราน นอกจากนี้ ยังขยายสู่การจัดตลาดสุขใจสัญจร ที่เปิดให้เกษตรกรนำผลผลิตมาขายตรงให้กับลูกค้าในเมืองที่ SCB Park การขายผ่านช่องทางออนไลน์ www.sookjaiorganics.com ล่าสุด ยังต่อยอดสู่การสร้างแบรนด์ "Patom"นำผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกรในโครงการสามพรานโมเดล มาแปรรูปเป็นอาหารหยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealthและ สินค้าไลฟ์สไตล์ เพื่อเชื่อมโยงเกษตรอินทรีย์สู่ผู้บริโภคในราคาที่เป็นธรรม โดยการสนับสนุนจาก สสส.


"Key Success หนึ่งของการขับเคลื่อน เกษตรอินทรีย์ คือ การสร้างช่องทางตลาดซึ่งต้องมีหลากหลายเพื่อเป็นแรงจูงใจ ให้กับเกษตรกร ควบคู่กับการพัฒนากลุ่มเกษตรกรให้มีความรู้ความเข้าใจการทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งสองอย่างนี้ต้องเดินไปพร้อมๆ กัน อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การมีเครือข่ายรวมกลุ่มขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะการรวมกลุ่มเกษตรกร เชื่อมโยงระหว่าง คนปลูกกันคนกิน แต่ยังมีภาคีเครือข่าย  ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ชุมชนท้องถิ่น ที่ขับเคลื่อน ร่วมกันเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง บนพื้นฐานการค้าที่เป็นธรรม" เลขาธิการมูลนิธิ สังคมสุขใจ บอกเช่นนั้น


เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า


โมเดลของการขับเคลื่อนสามพรานโมเดลดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทาง "เศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า" ที่ พัฒนาจากการพื้นฐานการพึ่งตนเองและออกนอกกรอบ ก้าวสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตามหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ที่ต้องมีความ "พอประมาณ มีเหตุผล  มีภูมิคุ้มกัน" บนเงื่อนไข "ความรู้" และ "คุณธรรม"


หยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealthห่วงที่ 1 ความพอประมาณ หมายถึง เกษตรกรผลิตตามกำลังความสามารถของตนเอง บนพื้นฐานความพอดี ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี จนต้องตกอยู่ในวังวนหนี้


ห่วงที่ 2 ความมีเหตุผล หมายถึง เกษตรกรสั่งสมความรู้ความเข้าใจจากการได้ลงมือทำจริงด้วยตัวเอง เช่น การจดบันทึกทำบัญชีฟาร์ม มีความรู้เรื่องต้นทุน มีการวางแผนทำธุรกิจ ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุมีผล


ห่วงที่ 3 มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเอง ลดการ พึ่งคนกลาง การใช้สารเคมี หรือรอคอยความช่วยเหลือจากภาครัฐ การรู้จักบริหารความเสี่ยงด้วยการปลูกพืชผสมผสานแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว การมีช่องทางตลาด ที่หลากหลาย โดยหลักการ 3 ห่วงนี้  ทั้งความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ต้องเดินคู่ไปด้วยกันตลอด บนพื้นฐานของความรู้ และคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และโปร่งใส


'สามพราน' คอนเนคชั่น


6 ปีที่ผ่านมาของสามพรานโมเดล ยังนับเป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้พลัง "เครือข่าย" เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนวิถีเกษตรอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยง กับเครือข่ายทรัพยากรทุนอย่าง สสส.  และ สกว.ทำให้โครงการมีความต่อเนื่อง จนนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงกับ เครือข่ายภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำโครงการ Farm to Functions  ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) สนับสนุนการซื้อ ข้าวอินทรีย์จากเกษตรกรตรงสู่โรงแรมและศูนย์ประชุม, การร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานสังคมสุขใจเชื่อมโยงวิถีอินทรีย์กับการดำเนินชีวิต  การเรียนรู้ และการท่องเที่ยว, การจับมือ ร่วมกับกรมการค้าภายใน จัดทำโครงการ


Organic Village ร่วมกับท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต, การจับมือร่วมกับ สสส. และทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหิดลและหยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealthเกษตรศาสตร์ จัดทำโครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียนต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ซึ่งผลลัพธ์ ที่ได้มากกว่าปลูกผัก คือ การปลูกคนที่ทำให้ เด็กๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์จากการลงมือทำด้วยตัวเอง ฝึกการทำงานเป็นทีม มีวินัยความรับผิดชอบ ยึดหลักความรู้คู่คุณธรรม


เหนืออื่นใดของการเชื่อมโยงเครือข่าย สามพรานโมเดล คือ การเชื่อมใจกับเกษตรกรต้นน้ำซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในการปรับเปลี่ยนมาสู่วิถีเกษตรอินทรีย์  ซึ่งต้องอาศัยการทำงานอย่างจริงใจและ ต่อเนื่อง


สมทรง ม่วงพารา สมาชิกกลุ่มเกษตรอินทรีย์คลองโยง เล่าว่า ทุกเดือนที่ได้พบปะกับทีมงานสามพรานโมเดลและนักวิชาการที่เข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยง ทำให้มีกำลังใจ ยิ่งได้เห็นว่าแม้แต่ระดับเจ้าของโรงแรมยังลงมาคลุกคลี ลำบากลำบน ร่วมกันกับเรา ความทุ่มเทของเขาทำให้ได้ใจ จากเดิมที่เคยแต่ปลูกอย่างเดียว  ไม่รู้ช่องทางการตลาดจะไปขายใคร พ่อค้าคนกลางมารับให้ราคาเท่าไหร่เราก็ต้องรับ การเข้าร่วมโครงการสามพรานโมเดล ทำให้ได้แนวคิดใหม่ มีการจดบันทึกรายรับรายจ่าย สามารถคำนวณต้นทุน กำหนดราคาขายได้เอง โดยมีตลาดสุขใจเป็น ช่องทางหนึ่งในการเชื่อมตรงถึงผู้บริโภค


อีกหนึ่งพลังเครือข่ายที่สำคัญ คือ  การเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักวิชาการ ตัวอย่างเช่น ง่ายงาม ประจวบวันอาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ที่ใช้มุมมองความเป็นวิศวกร มาเชื่อมโยงกับการทำงานร่วมกับสามพรานโมเดล ด้วยความมุ่งหวังที่จะปรับปรุงแก้ไขให้กลไกลห่วงโซ่การผลิตมีความสมดุล มากขึ้น


หยั่งราก ผลิใบ 'สามพรานโมเดล' thaihealth


"ความฝันอย่างหนึ่งของเรา คือ อยากเห็นเมืองไทยมีสังคมที่เข้มแข็ง ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย เราจะรับใช้ สังคมอะไรได้บ้าง ทำให้เกิดปณิธานว่าอยากชวนเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัยคนอื่นๆ ออกมาสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมร่วมกับ เครือข่ายนอกรั้วมหาวิทยาลัยบ้าง" มือประสาน เครือข่ายนักวิชาการ บอกเช่นนั้น


การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ที่เกิดขึ้นตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ อรุษ เชื่อมั่นว่า การขับเคลื่อนโครงการสามพรานโมเดลบนพื้นฐานของปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ก้าวเดินมาอย่างถูกทาง


"เป้าหมายต่อไป เราอยากเน้นเข้าไปพัฒนาในส่วนกลางน้ำมากขึ้น อยากทำเป็นระบบให้เห็นว่า คนกลางที่เป็นธรรม  เพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ปลูกกับผู้บริโภคว่า ควรจะทำออกมาในรูปแบบไหน เช่น  อาจจะเป็นในรูปแบบของกิจการเพื่อสังคม ซึ่งเราอยากให้คนกลางตรงนี้มาจากกลุ่ม ลูกหลานของเกษตรกรที่เข้ามาทำด้าน โลจิสติกส์ ไอที และการขนส่งให้กับกลุ่มเกษตรกร เพื่อที่วันหนึ่งหากไม่มีมูลนิธิฯ อยู่แล้ว โมเดลนี้จะสามารถขับเคลื่อนต่อได้ในรูปแบบของธุรกิจที่เป็นธรรม" เลขาธิการมูลนิธิสังคมสุขใจ เล่าถึงทิศทางต่อไปของการขับเคลื่อนสามพรานโมเดล

Shares:
QR Code :
QR Code