‘หมอเดว-ครูหยุย’ ชี้เด็กก้าวร้าวเลียนแบบสังคมรุนแรง

'หมอเดว-ครูหยุย' ชี้เด็กก้าวร้าวเลียนแบบสังคมรุนแรง

“หมอเดว” ชี้กรณีเด็ก 17 เอาเก้าอี้ฟาดแม่บ้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมไทยป่วย เด็กใช้ความรุนแรงอาจเป็นเพราะเลียนแบบสิ่งที่พบเห็นรอบตัว ชี้ส่งเด็กเข้าสถานพินิจไม่ใช่ทางแก้ปัญหา “ครูหยุย” ระบุเด็กก้าวร้าวเหตุสังคมไทยยุ่งเหยิง มีแต่การใช้พฤติกรรมรุนแรง ทั้งใช้ม็อบขู่ เผาบ้านเผาเมือง และความไม่พร้อมในครอบครัว

นพ.สุริยเดว ทรีปาตีนพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดล ในฐานะผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณีเด็กนักเรียนชั้น ม.6 อายุ 17 ปี ใช้เก้าอี้ฟาดใส่แม่บ้านเซ็นทรัลเวิลด์ว่า นอกจากจะต้องพิจารณาถึงตัวเด็กที่ก่อเหตุแล้ว ยังอาจจะต้องพิจารณาลงไปถึงคนที่พาเด็กมา และอาจจะต้องมองลงไปถึงครอบครัว ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพราะการที่เด็กเรียนรู้การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา แสดงว่า เด็กอาจจะเห็นการใช้ความรุนแรงมาจากครอบครัว หรือการบริโภคสื่อจึงคิดว่าการใช้ความรุนแรงจะแก้ปัญหาได้ ซึ่งการเลียนแบบลักษณะนี้ถือเป็นกลไกการปกป้องทางจิตที่ไม่ดี และหากเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นบ่อยครั้ง ก็สะท้อนให้เห็นว่าสังคมกำลังป่วย ส่วนตัวเห็นว่าการแก้ปัญหาของสังคมที่ใช้วิธีการกักกันเด็กในสถานพินิจ โดยเชื่อว่าเมื่อส่งเด็กกลับคืนสู่สังคมแล้วเขาจะสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกตินั้น ไม่เพียงพอ นอกจากการลงโทษด้วยการกักกันแล้ว ควรมีการเสริมพลังด้านบวก และติดอาวุธทางปัญญา เพื่อให้เขาได้เรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างมีทักษะชีวิต

“ชุมชนต้องลุกขึ้นมาดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ชุมชนต้องมีระบบการจัดการด้วยตนเอง ไม่รออำนาจจัดการจากส่วนบน และให้ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม ฟังเสียงสะท้อนของเด็ก จะทำให้เราทราบถึงพฤติกรรมของเด็ก และสามารถสร้างกลไกในการป้องกันความรุนแรงได้ และต้องออกแบบกิจกรรมเพื่อเสริมพลังด้านบวกให้กับเด็ก เพื่อให้เขามีทักษะชีวิตและจิตสำนึกที่ดี”

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก และในฐานะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า เยาวชนไทยปัจจุบันที่แสดงออกพฤติกรรมก้าวร้าวต่อญาติพี่น้อง และคนสูงอายุตามที่ตกเป็นข่าวทางสื่อไม่ได้สะท้อนว่าพฤติกรรมของเยาวชนไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ เพียงแต่เป็นการแสดงอารมณ์ที่สะสมจนระเบิดออกมาเท่านั้น ขณะที่ระเบิดอีกหลายลูกกำลังจะปะทุขึ้นในปัจจัยที่สังคม ครอบครัว และระบบการศึกษาสร้างขึ้น อาทิ ปัญหาการมีครอบครัวไม่พร้อม ปัญหาสังคมที่ปรากฏพฤติกรรมความรุนแรงอยู่ทั้งเรื่องการเมืองโดยเฉพาะประเด็นความไม่พอใจแล้วเอาม็อบมาขู่ก่อความวุ่นวายในที่ประชุมสภาฯ และการเผาบ้านเผาเมืองแล้วไม่มีความผิด

เลขาธิการมูลนิธิฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่ระบบการศึกษากลับเน้นสอนแต่วิชาการ ไม่ใส่ใจเรื่องความรู้สึกเด็ก ที่มีความเหงา อารมณ์ทางเพศ ปัญหาชีวิตต่างๆ เป็นเหตุให้ยิ่งไปตอกย้ำอารมณ์ให้รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเรา ระเบิดมาเป็นพฤติกรรมก้าว ร้าวอย่างที่ตกเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม หากจะแก้ปัญหาได้ทุกฝ่ายที่พูดถึงข้างต้นต้องร่วมมือกันดังนี้ หากไม่พร้อมจะมีครอบครัวหรือมีบุตรก็ต้องทำให้มีสังคมที่เยาวชนได้แสดงออกในทางที่ถูก ทั้งผ่านรูปแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ต่างๆ ที่สังคมยอมรับในการแสดงออก ขณะที่ระบบการศึกษา ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาจิตแพทย์ไปประจำที่โรงเรียน เพื่อคอยให้คำปรึกษาเด็กและแนะนำวิธีแก้ปัญหาชีวิต หรือไม่ก็ตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาผู้ปกครองที่มีปัญหาไม่สามารถไปปรึกษาใครได้ มาช่วยแก้ปัญหา

“การแสดงออกเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ซึ่งไม่แปลกที่เยาวชนจะแสดงออกไปอย่างนั้น เพียงแต่เราต้องลดต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวให้ได้ หรือทำให้น้อยลง ก็ยังจะพอทุเลา แต่หาก ไม่แก้ไขก็คงระเบิดพร้อมกันทั้งหมด” นายวัลลภกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code