หมอชี้ 1 ใน 5 คนไทยเสียชีวิตจากมะเร็ง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า เกือบ 1 ใน 5 ของคนไทยที่เสียชีวิตจากมะเร็ง มีสาเหตุมาจากมะเร็งปอด
โดยจากสถิติล่าสุดปี พ.ศ. 2552 พบว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปอดรวม 14,104 คน คิดเป็นร้อยละ 18.5 ของจำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากมะเร็งทั้งหมดในปีเดียวกัน 76,238 คน เมื่อแยกเป็นเพศพบว่า คนไทยที่เสียชีวิตจากมะเร็งปอด เป็นเพศชาย 9,914 คน และเป็นเพศหญิง 4,190 คน ในจำนวนนี้ 11,210 คน หรือ ร้อยละ 79.5 มีประวัติสูบบุหรี่ ทั้งนี้ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของการเกิดมะเร็งปอด สาเหตุอื่นได้แก่ การได้รับควันบุหรี่มือสอง การหายใจเอาสารเคมีจากอุตสาหกรรม มลพิษในอากาศ การได้รับสารกัมมันตรังสี และแร่ใยหินหรือแอสเบสตอส(Asbestos) ที่ใช้ในการทำกระเบื้อง หรือท่อน้ำซีเมนต์ ผ้าเบรก ครัชรถยนต์ ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในโลกห้ามใช้แร่ใยหินแล้ว แต่ประเทศไทยยังมีการใช้อยู่ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นมะเร็งปอดมีอัตราการรอดชีวิตจากการรักษาเพียงร้อยละ 15 ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการแพทย์ที่ก้าวหน้า สถิติในปี พ.ศ. 2549 มีคนที่เป็นมะเร็งปอด 158,599 คน แต่เสียชีวิต 135,000 คน แม้จะมีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่ทันสมัย อาทิ คอมพิวเตอร์ และการรักษาทั้งการผ่าตัด การให้ยาฆ่ามะเร็งหลายชนิด และการฉายแสงด้วยเครื่องมือไฮเทคแล้วก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้เพราะมะเร็งปอดส่วนใหญ่ไม่มีอาการใด ๆ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการเอ็กซ์เรย์ปอด ซึ่งมะเร็งก็มักจะลุกลามไปแล้ว ในผู้ที่มีอาการ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกเรื้อรัง หายใจเหนื่อย โรคก็มักจะเป็นมากแล้ว ทำให้การรักษาให้หายขาดเป็นไปได้ยาก
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า “ผู้สูบบุหรี่ต้องไม่ประมาทคิดว่าการตรวจร่างกายเป็นประจำจะทำให้พบมะเร็งปอดระยะแรก และรักษาให้หายขาดได้ การป้องกันมะเร็งปอดที่ดีที่สุดคือการไม่สูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่ การหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่โดยการทำให้ที่ทำงานและบ้านปลอดบุหรี่ และไม่ไปอยู่ในสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่”
ที่มา : มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่