หนุนวัยรุ่น 2020 ป้องกันท้อง ป้องกันโรค
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
แฟ้มภาพ
กรมควบคุมโรค กรมอนามัย สสส. P2H Access ชี้สถานการณ์สุขภาวะทางเพศวัยรุ่นยังน่าห่วง พบป่วย 5 โรคติดต่อทางเพศ 124.6 ต่อประชากรแสนคน ด้าน 1663 เผยเหตุผู้หญิงมักไว้ใจคนรัก ขณะที่ชายจำนวนหนึ่ง รับ ไม่ได้มีคู่แค่คนเดียว เสี่ยงติดโรค เร่งสร้างทัศนคติใหม่ ส่งเสริมใช้ถุงยางอนามัย
ที่ห้องกรีน อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (P2H) มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (Access) และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวส่งเสริมการมีสุขภาวะทางเพศ “วัยรุ่น 2020 รู้จักป้องกันท้อง ป้องกันโรค” เนื่องในวันถุงยางอนามัยสากล (International Condom Day 2020) โดยมีการเสวนาสถานการณ์สุขภาวะทางเพศ พร้อมเปิดตัวสื่อรณรงค์สร้างเสริมสุขภาวะทางเพศในกลุ่มวัยรุ่น
พญ.มณฑินี วสันติอุปโภคากร รองผู้อำนวยการกองโรคเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถิติปี 2562 พบเยาวชนอายุ 15 – 24 ปี ป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคได้แก่ หนองใน ซิฟิลิส หนองในเทียม แผลริมอ่อน และกามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง สูงถึง 124.6 ต่อประชากรแสนคน หากแยกรายโรคพบว่า โรคหนองในสูงถึง 69.7 และซิฟิลิส สูงถึง 39.3 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ ส่วนอัตราการคลอดของแม่วัยรุ่น ที่แม้ขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อเทียบกับประเทศที่มีระดับการพัฒนาที่ใกล้เคียงกัน การคลอดของวัยรุ่นไทยก็ยังคงอยู่ในอัตราที่สูง โดยพบอัตราการคลอดในวัยรุ่นอายุ 15 – 19 ปี เท่ากับ 35 ต่อจำนวนประชากรหญิง 1,000 คน กรมควบคุมโรคจึงพัฒนาร่างยุทธศาสตร์ด้านถุงยางอนามัย พ.ศ. 2563 – 2573 ภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ. 2560-2573
โดยขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านยุทธศาสตร์ 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การส่งเสริมให้การใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิถีชีวิตประจำวันของประชาชน (2) การส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงถุงยางอนามัย (3) การพัฒนาระบบบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพถุงยางอนามัย (4) การพัฒนานโยบายและเสริมสร้างกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัย และ (5) การควบคุม กำกับ ติดตาม และประเมินผลยุทธศาสตร์ถุงยางอนามัย
นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ เพราะประเด็นด้านสาธารณสุขพื้นฐานที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา สสส. พัฒนาจังหวัดต้นแบบขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยประสานกับคณะทำงานท้องวัยรุ่นจังหวัด จัดทำหลักสูตรพัฒนาผู้นำเยาวชนในการเป็นผู้พิทักษ์สิทธิ ตามมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 โดยทำงานกับเยาวชน มีการพัฒนาชุดความรู้การสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ
โดยประสานกับชุมชน ท้องถิ่นและโรงเรียน มีระบบพัฒนาทักษะผู้ปกครองให้สามารถสื่อสารเชิงบวกกับบุตรหลานในเรื่องเพศได้ โดยประสานกับพ่อแม่ผู้ปกครอง และสถานประกอบการ อีกทั้งยังมีการสื่อสารรณรงค์ในระดับประเทศเพื่อสร้างความรับรู้ใหม่ในประเด็นเรื่องเพศและการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งต้องเร่งดำเนินการรับมือให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่รวดเร็ว
นางสาวพรนุช สถาผลสวัสดิ์ ผู้จัดการโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กรุงเทพมหานคร มูลนิธิแพธทูเฮลท์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิแพธฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร สสส. และภาคีเครือข่าย เผยแพร่หลักสูตร e-Learning เพศวิถีศึกษาให้ครูผู้สอน ร่วมกับการทำงานเชิงรุกกับผู้บริหารสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย โดยส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษา 16 คาบ/ปี อาทิ สอนให้นักเรียนรู้จักความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ
รู้จักสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ รู้จักวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์ รู้จักช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพที่พึงได้รับตามสิทธิ รวมถึงสร้างความเข้าใจกับสมาคมผู้ปกครอง แต่ทั้งหมดยังมีอุปสรรคเรื่องทัศนคติของผู้ใหญ่ ครูและพ่อแม่หลายคนไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก มีความพยายามยับยั้งการมีแฟนมีความรัก ทั้งที่เป็นเรื่องธรรมชาติ ขณะที่หลายโรงเรียนให้ความสำคัญกับการสอบแข่งขันมากกว่าการสอนทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ปลอดภัย ทำให้เด็กขาดภูมิคุ้มกันดูแลตัวเอง
นายสมวงศ์ อุไรวัฒนา รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (Access) และผู้รับผิดชอบโครงการสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 กล่าวว่า สถิติจากสายด่วน 1663 ปี 2562 พบว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาขอคำปรึกษาเพราะกังวลเรื่อง HIV/ AIDs เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ซึ่งมากกว่าเพศหญิงซึ่งยังไม่ได้กังวลเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และทั้งเพศหญิงและชายมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย เพราะไว้ใจคู่รัก และน่ากังวลยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าเพศชายที่โทรมาจำนวนหนึ่งมีคู่นอนหลายคนและไม่พร้อมเปิดเผยความเสี่ยงกับคู่รักของตนเอง
นอกจากนี้สถิติยังพบเพศหญิงวัยทำงานร้อยละ 70 และเพศหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 30 โทรเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม อันเป็นผลมาจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการรณรงค์ส่งเสริมให้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่นมีความรับผิดชอบ พกและใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์ไม่พร้อม
ติดตามชมสื่อรณรงค์ “คลิปแหล่” ได้ทาง https://facebook.com/sexpert.family/posts/2566592300105518/