ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

แฟ้มภาพ

ความปลอดภัยด้านอาหาร ของพืชและผักที่นำมาบริโภค ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ดังนั้นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อาหารปลอดภัย ต้องส่งเสริมให้เกษตรกร และเยาวชนคนรุ่นใหม่ในชุมชน ได้เรียนรู้การทำเกษตรแบบอินทรีย์

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุมโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จ.หนองบัวลำภู นายชัยรัตน์ ยอดทัพ เกษตรอำเภอเมืองหนองบัวลำภู เป็นประธานเปิดโครงการ "คืนความรู้สู่ชุมชน นำเกษตรกรในชุมชนเรียนรู้เฝ้าระวังสารเคมีทางการเกษตร" เพื่อสร้างเสริมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อาหารปลอดภัย และเกษตรอินทรีย์ พร้อมชมการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมส่วนตำบลห้วยลึก อสม. เกษตรกร และ ผศ.ดร.เกียรติสุดา สมนา และดร.อภิชน วัชเรนทร์วงศ์ อาจารย์ผู้ประสานร่วมโครงการ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินโครงงานของนักเรียน และเพื่อระดมแนวคิดของเยาวชน เกษตรกรและชุมชนในการสร้างแนวทางการขับเคลื่อนให้ชุมชนเป็นเกษตรปลอดภัย

นางวลักขณา สาระกิจจานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการเฝ้าระวังสารเคมีทางการเกษตร เพื่อ สร้างเสริมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อาหารปลอดภัย และเกษตรอินทรีย์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับอนุมัติทุนสนับสนุนในการดำเนินงาน จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีโครงงานนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นกลไกขับเคลื่อน เพื่อเป็นการสร้างความรู้ให้กับเยาวชน และไปสู่พ่อแม่ เกษตรกร และชุมชน ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินโครงงานทั้งหมด 3 โครงงาน คือโครงงานเรื่องการตรวจสอบสารพิษตกค้างกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และกลุ่มคาร์บาเมต ที่ตกค้างในผัก ไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกในโรงเรียน จากเกษตรกร จากห้างสรรพสินค้าและจากตลาดสด

ผอ.โรงเรียน เปิดเผยอีกว่า โดยใช้ชุดทดสอบ OC KIT โครงงานเรื่องการตรวจสอบสารพิษตกค้างกลุ่มพาราควอต และไกลโฟเซตในผัก เปรียบเทียบก่อน-หลัง การนำไปล้างด้วยวิธีต่างๆ โดยใช้ชุดทดสอบ และโครงงาน เรื่องการตรวจสอบสารพิษตกค้างในเลือดของครู นักเรียน และเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งโครงงานของนักเรียนได้ดำเนินงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทางโรงเรียนจึงได้จัดโครงการ สว.นภ. คืนความรู้สู่ชุมชนขึ้นเพื่อเป็นการสนองงานในพระราชดำริของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ "สมเด็จย่า" ของปวงชนชาวไทยสืบไป