หนุนท้องถิ่นจัดกีฬาต้านยาเสพติด ปลอดเหล้า-บุหรี่

ปัญหายาเสพติดนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งต่อตัวผู้เสพ ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่เด็กต้องการการยอมรับจากผู้ใหญ่และเพื่อนฝูง ดังนั้นการหากิจกรรมที่เป็นประโยชน์และให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมจะส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในระดับครอบครัวและชุมชน เช่น การเล่นกีฬาร่วมกัน ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานให้การสนับสนุนการเล่นกีฬา มีการจัดการแข่งกีฬาประจำหมู่บ้าน ประจำตำบล ประจำจังหวัด อย่างต่อเนื่อง

ในอดีตการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะงานบุญ งานรื่นเริง และงานที่มีการรวมตัวกันของมวลชนในหมู่บ้าน สิ่งที่เห็นคู่กันไปกับงานเหล่านี้คือการจัดเลี้ยงการดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ การพนัน รวมไปถึงการใช้ยาเสพติด จากผลการศึกษาของสำนักวิจัยเอแบคโพล ในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-24 ปี ทั้งอยู่ในระบบและนอกระบบการศึกษา จำนวนกว่า 12 ล้านคน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-14 ก.ย.54 พบว่ามีเด็กและเยาวชนใช้สารเสพติด ซึ่งไม่นับรวมเหล้า-บุหรี่ จำนวน 1,715,447 คน ยาเสพติดที่ใช้มากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ กัญชา, อันดับ 2 คือยาบ้า และอันดับ 3 ยาไอซ์ อายุเฉลี่ยที่เสพอยู่ในช่วง 15-17 ปี โดยเฉพาะยาบ้าพบว่าเริ่มเสพยาบ้าครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 7 ขวบ ซึ่งตัวนำสำคัญที่ทำให้เยาวชนเริ่มต้นไปสู่การเสพสารเสพติดคือ เหล้า และบุหรี่

สิ่งที่จะช่วยให้เยาวชนเหล่านี้รอดพ้นไม่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดนอกจากผู้ใหญ่ต้องคอยชี้แนะแล้ว การเล่นกีฬาก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้เยาวชนมีสุขภาพที่ดี ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เชื่อว่า การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬานั้นจะทำให้ต่อมไร้ท่อใต้สมองหลั่งสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ “เอ็นโดรฟิน” ออกมาทำให้มีความสุขและรู้สึกสดชื่น การมีบุคลิกภาพที่ดีสุขภาพดี ก็จะได้รับการยอมรับจากเพื่อนและสังคม ในเมื่อการเล่นกีฬาทำให้เยาวชนมีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องไปมั่วสุมกับยาเสพติด แต่ผู้ใหญ่กลับมีพฤติกรรมการดื่มที่เป็นแบบอย่างให้กับเด็ก และการยอมให้ธุรกิจแอลกอฮอล์เข้ามาให้การสนับสนุน มีการจัดเลี้ยงฉลองด้วยเหล้าบุหรี่ กระตุ้นความอยากรู้อยากลองให้กับกลุ่มเยาวชน จนเกิดนักดื่มหน้าใหม่โดยไม่รู้ตัวและนำไปสู่การใช้สารเสพติดในอนาคต

ดังนั้น เพื่อให้ทุกเทศกาลงานบุญ หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดขึ้น หรือแม้แต่ชาวบ้านจัดงานกันเองปลอดเหล้า ก็ไม่ควรอนุญาตให้มีการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาจำหน่ายหรือดื่มกันในบริเวณงานเลย ซึ่งภาคีเครือข่ายในหลายจังหวัดตระหนักถึงปัญหาในเรื่องนี้และเรียกร้องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ขอให้มีการดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

เมื่อเร็วๆ นี้ สคล.ได้มีหนังสือไปถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อขอความร่วมมือในการสนับสนุนประกาศนโยบายต้านยาเสพติดปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ เนื่องจากเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการดื่มสุราหรือของมึนเมาเป็นสาเหตุของการนำมาซึ่งสิ่งเสพติดหลายประเภทโดยขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะจัดงานกีฬาระดับตำบลพิจารณาติดป้ายรณรงค์ “กีฬาต้านยาเสพติด ปลอดเหล้าเบียร์ บุหรี่” ภายในสถานที่จัดงาน ห้ามไม่ให้มีการจัดเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของรางวัล นอกจากนี้ขอให้กำชับผู้เกี่ยวข้องตลอดจนกวดขันสถานประกอบการและร้านค้าต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วย

          ขณะเดียวกัน นายโชคชัย เดชอมรธัญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ก็รับข้อเสนอทันที โดยได้มีหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมองว่าการจัดงานกีฬาต้านยาเสพติดเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และมีสุขภาพอนามัยที่ดี จึงไม่ควรให้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง และให้บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่ทุกจังหวัดทุกพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือ รวมถึงไม่ควรให้มีการจำหน่ายหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในงานกีฬาเป็นเรื่องของสุขภาพ ไม่ควรตัดโอกาสด้วยน้ำเมา

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
Shares:
QR Code :
QR Code