หนุนชุมชนรับมือโควิด-19 สื่อสาร-เฝ้าระวังอย่างเข้าใจ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจาก สสส.


หนุนชุมชนรับมือโควิด-19 สื่อสาร-เฝ้าระวังอย่างเข้าใจ thaihealth


เหลือเพียงไม่กี่จังหวัดในประเทศไทยที่ยังไม่มีการแจ้งเหตุผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ขยายวงกว้างไปในระดับประเทศ และระดับชุมชนเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยเฉพาะหลังจากกรุงเทพมหานครมีมาตรการปิดสถานที่ต่างๆ และสถานประกอบกิจการหลายแห่งเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อ ประชาชนเลือกเดินทาง "กลับบ้าน" วันนี้ หลายชุมชนจึงเริ่มสรรหามาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าที่กำลังเกิดขึ้น


 "พุเตย"ตั้งศูนย์บล็อก"โควิด-19"


เช่นที่เทศบาลตำบลพุเตย อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่มีทั้งหมด 9 ชุมชน 6 หมู่บ้าน ประชากรรวม 7,800 คน แต่มีคนที่อยู่ในพื้นที่จริงประมาณ 3,000 คน ที่เหลือก็ออกไปทำงานนอกพื้นที่ จินตนา ทองใจสด นายกเทศมนตรีตำบลพุเตย1 ใน 55 ศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน(ศจค.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน(สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า ได้ตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการระบาดไวรัส โควิด-19 เพื่อเตรียมรับมือ เป็นการทำงานร่วมกันของเทศบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) อสม. กรรมการชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และตำรวจ เป็นศูนย์อำนวยการวางแผน ติดตาม การเฝ้าระวัง การระบาด จัดทำแผนปฏิบัติการ ใช้สื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์เพื่อให้เกิดการตระหนักและเข้าใจ เช่น ใช้เสียงตามสายเน้นย้ำวันละ 3 เวลา สื่อแผ่นพับแจก ชาวบ้าน ใช้การสื่อสารผ่านสื่อโซเชียล อย่าง FB และ Line จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านเข้าใจยิ่งขึ้น


หนุนชุมชนรับมือโควิด-19 สื่อสาร-เฝ้าระวังอย่างเข้าใจ thaihealth

         


 "มีการประชุมสรุปรายงานผลทุกวัน ผ่านการสื่อสารทางไลน์กลุ่มของคณะทำงาน แบ่งงานกันทำตามบทบาทหน้าที่ เทศบาลจะเป็นจุดอำนวยการ วางแผนการทำงาน ขณะเดียวกัน รพ.สต. และ อสม. จะลงพื้นที่ให้ความรู้ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการชุมชน และชาวบ้านจะช่วยกันเฝ้าระวังในพื้นที่ของตัวเอง ถ้ามีใครเข้ามาในหมู่บ้านก็จะต้องแจ้งหรือรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านทราบก่อนเลย" จินตนา กล่าว


จากการเฝ้าระวังที่ผ่านมา ยังไม่พบ ผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 แต่มีเคสที่ต้องเฝ้าระวังและกักตัวไว้ 14 วัน แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่กลับมาจากต่างประเทศ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ เกาหลี และ ญี่ปุ่น 7 ราย ซึ่งพ้นกำหนดการกักตัว 14 วัน ไปแล้ว 5 ราย ยังคงเหลืออีก 2 ราย ที่ต้องเฝ้าระวังต่อ ส่วนอีกกลุ่มเป็นผู้ที่ เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ข้อมูลณ วันที่ 22 มีนาคม 2563 มีจำนวน 67 ราย ขณะนี้ยังต้องกักตัวเอง 14 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการ และทุกวันก็จะมี อสม. รพ.สต. กำนัน และ ผู้ใหญ่บ้าน ลงไปตรวจเยี่ยมวัดไข้


"การกักตัวและเฝ้าดูอาการทำทั้งการ แยกห้อง ใส่หน้ากาก แยกจาน ชาม ทานอาหาร แยกกับครอบครัว และถ้าเป็นไปได้ก็ให้อยู่เฉพาะในห้องตัวเอง ตอนนี้ชาวบ้านและผู้นำชุมชน ช่วยกันเฝ้าระวัง ไม่ออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ไปซื้อของในตลาดสด สวมหน้ากากอนามัย  ช่วยกันทุกคน เพื่อให้ผ่าน วิกฤติครั้งนี้ไปให้ด้วยกัน." นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพุเตย กล่าว     


"แม่ข่า"ล้างมือทุกบ้าน


ห่างจากตัวอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ เกือบ 20 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของเทศบาลตำบลแม่ข่า ที่นี่ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น ปลูกลำไย ลิ้นจี่ ส้ม กระเทียม มันเทศ มีทั้งคนไทยและชุมชนชาติพันธุ์ ลาหู่ ไทใหญ่ อยู่ในเขตตำบลด้วย เพราะเป็นพื้นที่ชายขอบของประเทศ


แม่ข่ามีความรับผิดชอบทั้งหมด 13 หมู่บ้าน วีระยุทธ เทพนันท์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน เทศบาลตำบลแม่ข่า ศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน(ศจค.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เล่าว่า เทศบาลได้มอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติการไปยัง ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ อสม. รพ.สต. ให้ดูแลอย่างเข้มข้นทุกหมู่บ้าน กลุ่มที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กักตัว 14 วัน


โดย อสม.จะเป็นแม่งานสำคัญหรือในพื้น ที่เรียกว่า "กลุ่ม อสม.ตาสับปะรด" ดูแล ให้ความรู้ และเฝ้าระวังตลอดเวลา

ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ทุกภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาพื้นเมือง กลุ่มชนเผ่า ทุกชาติพันธุ์ ผ่านเสียงตามสาย ทำป้าย ไวนิลรณรงค์ ติดตามชุมชนทุกพื้นที่ และยังมีกิจกรรมเชิงรุกผ่านโครงการล้างมือหน้าบ้าน ล้างมือหน้าโรงเรียน ล้างมือหน้าสำนักงาน ล้างมือหน้าวัด ใครเข้า ใครออก เข้าบ้านออกบ้านจะต้องมีการ ล้างมือ


"โครงการล้างมือนำไอเดียมาต่อยอดจากป้ายขนาด A4 ที่เทศบาลนำไปแจกทุกบ้านแนะนำวิธีขั้นตอน การล้างมือ ที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอน จากนั้นได้รณรงค์สถานที่สำคัญในชุมชน อย่าง วัด สำนักงานราชการ โรงเรียน ตลาดสด ให้ตั้งจุดล้างมือ คนที่มาจ่ายตลาด แม่ค้าพ่อค้า ต้องล้างมือ เราใช้เพียงแค่สบู่ก็เพียงพอ เพราะเจลแอลกอฮอล์มันแพง ขอล้างมือ อย่างถูกต้อง ทำให้เป็นนิสัย ออกจากบ้าน ล้างมือ เข้าบ้านล้างมือ เราถือว่าเป็น นวัตกรรมของชุมชนของเราที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก" วีระยุทธ เล่า


นอกจากนี้ยังใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ตั้งกลุ่มไลน์เฉพาะขึ้น ชื่อกลุ่มโควิด ประชุม ผ่านไลน์ วีดิโอคอล รวมทั้งอัพเดตสถานการณ์จากศูนย์เฉพาะกิจเชียงใหม่ รายงานให้ข้อมูลสมาชิกในกลุ่มไลน์โควิดอย่างต่อเนื่อง อสม.ในพื้นที่มีแต่ละคนจะรับผิดชอบในละแวกบ้าน ทำให้สามารถรับรู้ สถานการณ์ และส่งข้อมูลต่อไปยังผู้ใหญ่บ้าน และ รพ.สต.ในพื้นที่ นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีการตรวจสอบกันเอง


ด้าน ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการ สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์(มธ.) ผลิตสื่อสำหรับ กลุ่มชาติพันธุ์ ภายใต้โครงการพัฒนากลไกการเข้าถึงบริการสุขภาพและเสริมสร้างสุขภาวะผู้หญิงชาติพันธุ์


ล่าสุดได้สร้างความรู้ความเข้าใจ ของกลุ่มชาติพันธุ์ในสถานการณ์โควิด-19 โดยพัฒนาออกแบบเครื่องมือสื่อสารภาษาชาติพันธุ์กว่า 10 ภาษา เช่น ภาษาไทยใหญ่ ลาหู่ อาข่า ม้ง เน้นสื่อออนไลน์ อินโฟกราฟฟิก คลิปวีดิโอ เฟซบุ๊ค ไลน์ สื่อเสียง/สปอตวิทยุ เผยแพร่ผ่านวิทยุชุมชนชาติพันธุ์และส่งเสริมแกนนำผู้หญิงชาติพันธุ์ ล่ามชุมชนให้เป็นนักสื่อสารสุขภาพชุมชน นอกจากนี้ ยังร่วมกับคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล ผลิตสื่อสร้างความเข้าใจเรื่องโควิด -19 กับกลุ่มประชากรข้ามชาติ 3 ภาษา ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชาที่ยังอาศัยอยู่ในไทยด้วย

Shares:
QR Code :
QR Code