‘หญิงชายก้าวไกล’หนุนตั้งคลินิกฟื้นฟูผู้ทำความรุนแรง

พม.จับมือมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดโปรแกรมบำบัดผู้กระทำความรุนแรง เน้นสร้างความชำนาญให้กับเจ้าหน้าที่ เตรียมขยายคู่มือดูแลผู้ถูกกระทำทั่วประเทศ เผยสถิติความรุนแรงยังน่าห่วง ครึ่งปีพุ่ง 194 ราย ด้าน “หมอเพ็ญศรี” ชี้พฤติกรรมเลียนแบบความรุน แรง-ก้าวร้าวของพ่อแม่ เด็กซึมซับได้โดยไม่รู้ตัว เสนอสถานพยาบาลที่มีความพร้อมจัดตั้งคลินิกฟื้นฟูผู้กระทำความรุนแรง

'หญิงชายก้าวไกล'หนุนตั้งคลินิกฟื้นฟูผู้ทำความรุนแรง

ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญญา (สวนโมกข์) จตุจักร วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “กลไกการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553” พร้อมทั้งเปิดตัวกิจกรรม “ความรุนแรงในครอบครัว เราเปลี่ยนได้”

นายสมชาย เจริญอำนวยสุข นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า สถาน การณ์ความรุนแรงในประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและสตรีในวงกว้าง โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเกิดจากคนในครอบครัว ทำให้ผู้ถูกทำร้ายไม่กล้าไปร้องเรียนหรือไม่รู้ว่าต้องไปร้องเรียนที่ไหน กับใคร รวมถึงไม่เชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยเหลือได้ จึงทำให้สภาพจิตใจและร่างกาย ได้รับความบอบช้ำ ส่วนผู้กระทำเองก็มีแนวโน้มกระ ทำความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น พม.จึงได้ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเปิดตัว “นวัตกรรม ผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว เราเปลี่ยนได้” ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางช่วยเหลือผู้กระทำความรุนแรง

นายสมชายกล่าวว่า พม.จะผลักดัน พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบ ครัว พ.ศ.2550 มาใช้ในการแก้ปัญหาความรุนแรง โดยจะสร้างเจ้าหน้าที่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำและบำบัดผู้กระทำความรุนแรง แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ยังขาดความรู้ จึงทำให้ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ขณะนี้ พม.ได้ร่วมกับทุกภาคส่วนจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ได้รับความรุนแรงอย่างถูกต้องขึ้น โดยจะนำร่องทดลองในพื้นที่จังหวัดพังงาและกรุงเทพฯ เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากทั้งสองพื้นที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของปัญหาและขนาดพื้นที่ จากนั้นจะนำคู่มือดังกล่าวมาพัฒนาและปรับปรุงใหม่เพื่อใช้เป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ สำหรับผู้มีปัญหาหรือพบเห็นการ กระทำความรุนแรงในครอบครัว สามารถแจ้งมาได้ที่ศูนย์ประชาบดี หมายเลข 1300 หรือมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล โทร.0-2513-2889

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ด้านนายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า ในแต่ละปีมักพบว่ามีข่าวเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวมากถึง 300-400 ข่าว ส่วนใหญ่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย การฆ่ากัน ระหว่างสามีและภรรยา ส่วนสาเหตุมาจากความหึงหวง และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชายหรือสามี ในจำนวนนี้มีประมาณ 1 ใน 5 ที่มีปัจจัยการกระตุ้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ผู้ก่อเหตุติดเหล้า ดื่มเหล้าก่อนกระทำ บางรายติดยาเสพติดร่วมด้วย สอดคล้องกับสถิติของศูนย์ข้อมูลความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และความรุนแรงในครอบครัว ในระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2554 ที่พบว่าผู้ถูกกระทำความรุนแรงมีมากถึง 194 ราย ขณะเดียวกัน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 อาจจะยังไม่ครอบคลุม ดังนั้นการสร้างกลไกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน โดยทางมูลนิธิและองค์กรภาคประชาชนพร้อมที่จะสนับสนุนและฟื้นฟูเพื่อลดปัญหาความรุนแรง

ศ.เกียรติคุณ พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธศ.เกียรติคุณ พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนบุคคลถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ก้าวร้าว ควบคุมตนเองไม่ได้ ขาดทักษะการใช้ชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กมาจากครอบครัวที่ชอบใช้ความรุนแรง เช่น พ่อทำร้ายแม่ ด่ากัน พฤติกรรมเหล่านี้เด็กจะซึมซับโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อโตไปมีครอบครัวจะมีแนวโน้มการใช้ความรุนแรงกับครอบครัวตนเอง เช่นเดียวกับครอบครัวพ่อแม่ของตนเองเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน เหมือนโรคติดต่อทางพันธุกรรม ทั้งๆ ที่พฤติกรรมใช้ความรุนแรงไม่ใช่โรคติดต่อที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่เป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่น่าเป็นห่วง และจำเป็นต้องได้รับการบำบัดและฟื้นฟู เพราะไม่เช่นนั้นแล้วสังคมไทยจะมีแต่ครอบครัวที่นิยมใช้ความรุนแรงที่มาจากพฤติกรรมเลียนแบบของพ่อและแม่ได้

นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ กล่าวว่า หากจะมีการช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกกระ ทำความรุนแรงต้องพัฒนาทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการแพทย์ กฎหมาย ด้านการสังคมสงเคราะห์ ซึ่งต้องมีการทำงานที่ประสานกันโดยเฉพาะการส่งต่อและเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการบำบัดและฟื้นฟูผู้ถูกกระทำ ซึ่งในอดีตยังไม่มีการจัดคลินิกเพื่อการบำบัดและฟื้นฟูอย่างเป็นทางการ แต่จะมีการดูแลเป็นเฉพาะกรณีๆ ไป ทั้งที่ทุกโรงพยาบาลมีจิตแพทย์และเจ้าหน้าที่ ดังนั้นในวันนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงร่วมกันผลักดันให้สถานพยาบาลที่มีความพร้อมร่วมกันจัดตั้งคลินิกเพื่อบำบัดและฟื้นฟูผู้ถูกกระทำและผู้กระทำความรุนแรง โดยมีจิตแพทย์เป็นผู้ออกแบบโปรแกรมการรักษาที่มีเหมาะสมให้กับผู้ที่ต้องได้รับการบำบัดและฟื้นฟู เพื่อให้บุคคลเหล่านี้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสมบูรณ์และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code