ส่วนรวมสร้างได้ด้วย“ธุรกิจเพื่อสังคม”

 

ส่วนรวมสร้างได้ด้วย“ธุรกิจเพื่อสังคม”

 

 

ปัจจุบันสังคมเราเต็มไปด้วยปัญหามากมายไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน อาหารการกิน โรคภัยต่างๆ นั่นรวมถึงการเข้าถึงบริการต่างๆ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียมกันทางสังคมที่เป็นโจทย์ใหญ่ระดับชาติที่ยังคงแก้ไม่ตกอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ปัญหามากมายต่างเรื้อรัง หลายหน่วยงานต่างพยายามจับมือกันเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่ดูเหมือนจะไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ทางเลือกใหม่ในการจัดการแก้ปัญหา ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมกัน จึงถูกหยิบยกมาพูดถึง และที่น่าสนใจคือการให้ภาคธุรกิจได้เข้ามามีส่วนช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น หรือ “ธุรกิจเพื่อสังคม”นั่นเอง

ธุรกิจเพื่อสังคมนั้น พูดง่ายๆ คือธุรกิจที่ไม่ขาดทุน แต่ไม่มุ่งหวังแต่กำไรทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว โดยผลกำไรจะนำไปใช้ขยายธุรกิจดำเนินการต่อไป เช่น การให้สินเชื่อแก่คนจน โภชนาการ การศึกษาเป็นต้น อย่างที่เป็นแบบอย่างที่น่าสนใจ ก็คือ “บริษัท กรามีนดาน่อน” ที่ผลิตโยเกิร์ตเสริมวิตามินและแร่ธาตุ จำหน่ายเพื่อให้เด็กในบังกลาเทศได้รับคุณค่าทางโภชนาการ และธนาคารกรามีน ที่บริการฝากเงินและสินเชื่อสำหรับคนจน

โดยล่าสุด ที่ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และสมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการประชุมธุรกิจเพื่อสังคม โดยมีนักเศรษฐศาสตร์ นักธุรกิจ นักวิชาการ เข้าร่วมฟังกว่า 300 คน  โดยมี ศ.มูฮัมหมัด ยูนุส เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน  ประเทศบังกลาเทศ  ได้มาให้ความรู้เรื่อง ธุรกิจเพื่อสังคม : แบบจำลองใหม่เพื่อสหัสวรรษใหม่

โดยศ.มูฮัมหมัด กล่าวว่า ตนได้ก่อตั้งธนาคารกรามีน ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อคนจน ในปี 1983 มีหลักการว่า คนที่ยากจนที่สุดต้องเป็นกลุ่มที่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ก่อน ซึ่งเป็นหลักการที่ตรงข้ามกับหลักเกณฑ์ของธนาคารทั่วโลก โดยเกิดจากตนได้มีโอกาสพูดคุยกับคนในชุมชน ทำให้เห็นปัญหาว่าคนจนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ เพราะธนาคารให้เงินกู้เฉพาะคนที่มีเงินเท่านั้น แต่ตนคิดแตกต่างออกไป คนไม่มีเงินควรมีสิทธิ์ได้กู้เงินเพื่อมาขยายรายได้ ซึ่งหลักแนวคิดนี้ทำให้ธนาคารกรามีนเติบโตในทั่วโลก มีสมาชิกเป็นคนจนในประเทศบังกลาเทศถึง 4 ล้านครอบครัว

“หลักการไม่ได้อยู่ที่ว่า จะให้เงินเท่าไหร่ อย่างไร แต่เป็นเรื่องจะพัฒนาศักยภาพ ความจนไม่ได้เป็นต้นเหตุของการไร้ศักยภาพ แต่เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม ที่คนจนที่ไม่ได้รับพื้นที่จากสังคม จึงไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้”ศ.มูฮัมหมัด กล่าว

ศ.มูฮัมหมัด กล่าวว่าสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจมุ่งหารายได้ เพราะตำราเศรษฐศาสตร์เขียนไว้ว่า การทำธุรกิจต้องได้ผลตอบแทนคือ เงิน ต่างจากการทำธุรกิจเพื่อสังคม ที่ไม่ได้เน้นแต่กำไร แต่เป็นเรื่องที่ทำแล้วสังคมได้ประโยชน์ เป็นการแก้ปัญหาสังคมไปพร้อมกับการทำธุรกิจ ซึ่ง 80% ของธุรกิจเพื่อสังคมเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องรอให้รัฐบาลเริ่ม ทุกภาคส่วนในสังคมต้องมีส่วนร่วม จึงต้องเร่งปรับโครงสร้างสังคมเพื่อรองรับ เพื่อกำจัดความยากจนให้หมดไปจากสังคมนี้ให้ได้

ด้าน ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า  ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว สวนทางกับเรื่องความเลื่อมล้ำทางรายได้ที่มีเพิ่มขึ้น คนรวยเป็นเจ้าของสินทรัพย์ 69% ของประเทศ ส่วนคนจนครอบครองสินทรัพย์ในสัดส่วนรวมกันเพียง 1 % เป็นเหตุผลให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นธรรมทางสังคมขึ้น โดย สสส. มีเป้าหมายที่จะส่งเสริมศักยภาพ พัฒนาบุคคลและสังคม เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งงานด้านหนึ่งที่ สสส.ต้องการจะทำ คือ การส่งเสริมนวัตกรรมด้านสังคม โดยอย่างปีที่แล้วเราก็มีการส่งเสริมให้จัดตั้ง สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ ซึ่งเราพบว่าแบบจำรองธุรกิจเพื่อสังคม เป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนและยังเอาผลกำไรกลับคืนสู่สังคมอีกด้วย ซึ่งตนหวังว่าการประชุมกันครั้งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างธุรกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยให้มากขึ้น

 “สสส. มีโครงการเพื่อสนับสนุนสุขภาวะคนไทยจำนวนมาก โดยพบโจทย์ว่าจะทำให้โครงการต่างๆ เกิดความยั่งยืนได้อย่างไร จึงเกิดเป็นแนวคิดธุรกิจเพื่อสังคม แต่พบว่าบางเรื่องยังเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากยังไม่มีทักษะการบริหาร ดังนั้นจึงต้องมีการเชื่อมโยงภาคธุรกิจและภาคสังคม เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความสมารถ และทักษะในการบริหารแบบใหม่ มาทำงานร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มี สกส. ซึ่งบทบาท ส่งเสริมความคิดกิจการเพื่อสังคม สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้ผู้ที่จะทำธุรกิจเพื่อสังคมให้ได้ รับการสนับสนุนด้านความรู้ เงิน รวมถึงเครือข่าย เพื่อจะได้เชื่อมโยงกันได้ เพื่อให้ประเทศไทยมีกิจการเพื่อสังคมที่ขยายตัว และยั่งยืน และที่สำคัญมันจะช่วยแก้ปัญหาสังคมของประเทศไทยได้” ทพ.กฤษดา กล่าว

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทางเลือกใหม่อย่าง “ธุรกิจเพื่อสังคม” ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ที่จะเป็นทางออกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมลงได้ เพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่และสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไปได้

 

 

เรื่องโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th

 

Shares:
QR Code :
QR Code