สูบบุหรี่ใน ‘อวตาร’ เพื่อใคร
เสี่ยงวัยรุ่นเข้าใจผิดๆ สูบเพิ่ม
ภาพยนตร์อวตารกลายเป็นหนังทำเงินและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นหลังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อเร็ว ๆ นี้ กลายเป็นตัวเร่งเร้าให้คนทุกเพศทุกวัยสนใจที่จะชมภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง กลุ่มต่อต้านการสูบบุหรี่ในสหรัฐอเมริกา หรือสโมค ฟรี มูฟวี่ (Smoke Free Movies) โจมตีว่าหนัง “อวตาร” แนะนำส่งเสริมผู้ชมอย่างผิดๆ เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ เมื่อมีตัวละครที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อย่าง เกรซ ออกัสติน ซึ่งแสดงโดย ซิกูร์เนีย วีเวอร์ หลงใหลได้ปลื้มกับการสูบบุหรี่อย่างสุด ๆ เท่ากับเป็นการโฆษณาทางอ้อมแบบฟรี ๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,650 ล้านบาท
ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)ได้จัดเวทีถก ฉากสูบบุหรี่ในภาพยนตร์อวตารขึ้น นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทยบอกว่าเป็นเรื่องน่าอันตรายมากหากวัยรุ่นไทยมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าผู้หญิง เก่ง สวยจะต้องสูบบุหรี่เหมือนอย่างตัวละครอวตาร จากการศึกษาวิจัยของประเทศเยอรมนี พบว่าวัยรุ่นที่ได้ชมภาพยนตร์ที่มีฉากสูบบุหรี่มีอัตราการทดลองสูบเพิ่มเป็น 2 เท่าของวัยรุ่นที่ไม่เคยเห็นการสูบบุหรี่ในภาพยนตร์มาก่อนขณะที่งานวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของนักสูบหน้าใหม่มีอายุระหว่าง12-17 ปี หรือประมาณ 390,000 คนต่อปี เริ่มสูบบุหรี่หลังเห็นฉากสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ ขณะที่คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมบุหรี่มีรายได้จากภาพยนตร์ฉายฉากดาราสูบบุหรี่มากถึงปีละ 894 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นพ.หทัย กล่าวอีกว่าฉากนักแสดงนำหญิงอวตารสูบบุหรี่ระหว่างทำงานในห้องทดลอง เป็นเรื่องที่ไม่สมจริงเพราะห้องทดลองวิทยาศาสตร์ทั่วโลกที่เป็นพื้นที่ติดแอร์ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้ ขณะที่องค์กรต่อต้านการสูบบุรี่ในสหรัฐให้รางวัลหนังเรื่องนี้ว่ารางวัลปอดดำโดยเปรียบเทียบว่า อวตารเหมือนพลูโตเนียม หรือสารกัมมันตรังสีใส่น้ำประปาให้คนดื่ม
ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบกล่าวว่า การจัดเรตติ้งในภาพยนตร์อวตาร เป็นประเภททั่วไป ซึ่งควรจะเป็น น.13+ คือเหมาะสำหรับเยาวชนอายุ13 ปี เช่นเดียวกับสหรัฐ กล่าวคือต้องไม่มีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรง ทารุณลามกอนาจาร และภาพการใช้สารเสพติด
ด้าน นันทขว้าง สิรสุนทร นักวิจารณ์ภาพยนตร์กล่าวว่า ปัญหาของอวตารคือการจัดเรตติ้ง ประเทศไทยยังตอแหลจัดเรตติ้งจริงแต่ไม่เคยใช้จริง โรงหนังไม่น้อมรับ ไม่มีโรงหนังไหนห้ามเด็กดูหนังที่จัดเรตติ้งได้ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงตามมาเมื่อหนังได้รับรางวัล การผลิตดีวีดีจะเป็นผลตามมา เด็กจะดูเพิ่มขึ้นแม้คนไม่ชอบหนังเรื่องนี้จะติดตามว่าหนังนำเสนอแบบไหน ซึ่งยอมรับว่าตัวละครสูบบุหรี่มีผลกับเด็ก
ขณะที่ สุภาพ หริมเทพธิป บรรณาธิการบริหารนิตยสารโบโอสโคปมองในมุมต่างเรื่องของการเซ็นเซอร์หนังในฉากสูบบุหรี่ว่า แค่ลบควันบุหรี่หรือมวนบุหรี่ออกจากฉากไม่ได้ส่งผลอะไรกับการต่อต้านการสูบบุหรี่ มองว่าเสรีภาพต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ต้องสร้างให้สังคมตระหนักได้เสียก่อน
สอดคล้องกับความคิดของจิตแพทย์นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุงอาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่าภาพในฉากหนังที่เซ็นเซอร์ดังกล่าวกลับเป็นการกระตุ้นให้เกิดจินตนาการ ให้เด็กนึกถึงภาพสูบบุหรี่มากขึ้น ไม่ได้ช่วยลดพฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้ ในทางจิตวิทยามองว่าต้องป้องกันโดยใช้ครอบครัวร่วม และการที่จะบอกเล่าเพียงว่าบุหรี่ไม่ดีไม่ได้ผลกับเด็ก ต้องใช้ชีวิตคนเป็นประสบการณ์ ถือว่าเป็นกระบวนการที่ดี
สำหรับข้อสรุปการถกประเด็น นี้ดร.ศิริวรรณ ระบุว่า ให้ผู้ปกครองดูแลการดูหนังอวตารของบุตรหลานควรให้คำแนะนำ วิงวอนให้สังคมมาใส่ใจภาพสูบบุหรี่ในฉากภาพยนตร์ และสร้างวุฒิภาวะให้รู้เท่าทัน วิธีห้ามการสูบบุหรี่ต้องห้ามด้วยความรัก.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update:15-02-53