สุราและการขับรถ

สุราและการขับรถ 

 

      ที่ว่าปัจจัยสี่ของมนุษย์มี ที่อยู่ เสื้อผ้า อาหาร และยารักษาโรคนั้น ปัจจุบันอาจจะเพิ่ม “ยานพาหนะ” ลงไปอีกปัจจัยหนึ่ง คิดว่าคงจะมีผู้เห็นชอบด้วยไม่มากก็น้อย หากขาดยานพาหนะเสียมนุษย์ก็ดูจะมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบากเป็นอย่างมาก

 

      “ยานพาหนะ” เป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้การเดินทางจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่แห่งอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ทั้งระยะใกล้และไกล มนุษย์ได้สร้างยานพาหนะขึ้นหลายประเภททำให้สามารถเดินทางได้ทั้ง ทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เมื่อ “ยานพาหนะ” มีความสำคัญเช่นนี้ก็น่าที่จะพิจารณาถึงสิ่งนี้ให้ละเอียดลึกซึ้ง โดยเฉพาะในด้านประโยชน์และโทษเพื่อว่าจะได้นำปัจจัยที่ห้านี้มาใช้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุดและมีโทษน้อยที่สุด

 

      การขับขี่ยวดยานให้ปลอดภัยขึ้นอยู่กับ

      1. คุณภาพของรถ

      2. คุณภาพของถนน

      3. ความรู้และความสามารถของผู้ขับขี่

      4. ความรู้สึกรับผิดชอบของผู้ขับขี่

 

      สำหรับมูลเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตามรายงานของตำรวจทางหลวงและกองตำรวจจราจร จัดลำดับไว้ดังนี้ คือ การแซงรถในที่คับขัน ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนดตามหลังรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด ขับขี่ขณะเมาสุรา ผู้ขับขี่หลับใน เลี้ยวรถตัดหน้ากระชั้นชิด ฝนตกถนนลื่น ฝ่าสัญญานป้ายหยุด ขับรถกินทาง หลบรถอื่นๆ ฯลฯ

 

      เกี่ยวกับสภาพของยานพาหนะและถนนนั้น เป็นเรื่องที่รัฐรับผิดชอบ เช่น มี พ.ร.บ. การจราจร มีการตรวจสภาพยานพาหนะก่อนต่อใบอนุญาต เป็นต้น ส่วนความสามารถและความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ยานพาหนะเป็นเรื่องของผู้ขับขี่แต่ละคน โดยเฉพาะการให้การศึกษา เรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นมาก ขณะนี้มีคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัย ซึ่งหน้าที่ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับอุบัติภัยจากการจราจร ได้ให้การศึกษาและฝึกหัดการใช้ถนนให้กับเยาวชน ถ้าหากมีการศึกษาที่ดีและต่อเนื่องกันไป สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการขาดความรู้ความสามารถของผู้ขับขี่ก็จะถูกขจัดไปได้

 

      การเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ขณะมึนเมาเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คนที่อยู่ในสภาพมึนเมานั้น ขาดสติและไม่สามารถบังคับตนเองได้ โดยเหล้าหรือน้ำเมาที่ดื่มจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ลดความไวของการรู้สึกและการสั่งการของสมอง กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกันการมองเห็นผิดไป ไม่สามารถกะหรือกำหนดระยะทางได้ถูกต้อง และไม่สามารถตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วพอที่จะพาคนให้พ้นจากอุบัติเหตุได้

 

      การแก้ปัญหานี้จำเป็นที่รัฐจะต้องตั้งมาตรการบังคับเพื่อลดโศกนาฎกรรมและความสูญเสียทั้งปวง ในบางประเทศได้ออกกฏหมายกำหนดระดับของแอลกฮอล์ที่ยอมให้มีได้ในเลือดของผู้ขับขี่เอาไว้ เช่น ประเทศอังกฤษและเยอรมัน กำหนด 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (เอธิลแอลกอฮอล์ 80 มิลลิกรัมในเลือด 100 มิลลิลิตร) สหรัฐอเมริกา 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และญี่ปุ่น 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่าจำนวนอุบัติเหตุและการสูญเสียลดลงอย่างมาก

 

      รัฐบาลได้ออก พ.ร.บ. การจราจร พ.ศ. 2522 ในมาตรา 43(2) บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือเสพของมึนเมาอื่น และมาตรา 157 บัญญัติว่าผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 43 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่ร้อยบาทถึงหนึ่งพันบาท

 

      การตรวจความเมาอาจทำได้ 2 แบบ แบบที่หนึ่ง ดูอาการทั่วไปประกอบกับการดมกลิ่น ซึ่งการทดสอบจะผิดพลาดได้ง่ายหากมีการบ้วนปากหรืออมยาบางชนิดก็ตรวจด้วยการดมกลิ่นไม่ได้บางคนสามารถบังคับตนได้ดี การตรวจด้วยการให้เดิน ยืนกางแขน ฯลฯ เป็นปกติ วิธีนี้จึงไม่ใช่วิธีที่ดี วิธีที่ควรจะนำมาใช้อีกวิธีหนึ่ง คือ การตรวจปริมาณแอลกฮอล์ในเลือดซึ่งควรจะต้องมีการกำหนด ค่าระดับสูงสุดของแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ขับขี่ที่กฎหมายจะยอมให้มีได้ในขณะทำการขับขี่

 

ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นตัวอย่างแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระดับของแอลกอฮอล์ในเลือดกับผลที่มีต่อร่างกาย

 

      50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ การทำงานของกล้ามเนื้อจะผิดปกติเล็กน้อยมีความรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสบาย

 

      80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ นัยน์ตากระตุก ความระมัดระวังลดลง ไม่สามารถขับรถหรือควบคุมเครื่องยนต์ได้ดี

 

      100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มเดินเซ และพูดไม่ชัด ระยะเวลาการตอบโต้หรือการตัดสินใจช้าลง หากขับรถอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

 

      150 มิลลิกรัมเปอรเซ็นต์ อาการเมาปรากฏชัด ช่วยตัวเองไม่ได้ การประสานงานของกล้ามเนื้อจะกระทำไม่ได้ เช่น มือสั่น การตรวจหรือทดสอบโดยวิธีใช้นิ้วมือแตะจมูกจะผิดปกติ

 

      200 – 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มซึม อยากหลับ ลืมความจำจากประสบการณ์

 

      300 – 350 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ง่วงงง หมดสติ

 

      355 – 600 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อาจตายหรือช่วยให้ตายเร็วขึ้น

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือความรู้เกี่ยวกับสิ่งเป็นพิษ ตอนที่ 1, 2 กลุ่มพิษวิทยาและชีวเคมี สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข

 

 

Update:27-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code