“สุขภาวะทางทีวี”

โฆษณาแฝง-เกินจริงบั่นทอนชีวี

 

 “สุขภาวะทางทีวี”

          ผมอยากจะย้ำแล้วย้ำอีกถึงจำนวนคนเสียชีวิตในช่วงประเพณีสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า ส่วนใหญ่สาเหตุมาจาก “เมา” จนทำให้เกิดความประมาทขาดสติจนนำไปสู่การเสียชีวิตพิการ บาดเจ็บ แล้วยังก่อให้เกิดความเสียหายอื่นๆ ตามมาด้วย เป็นความเสียหายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ เชื่อว่าเมื่อรวมค่าเสียหายเป็นเงินตัวเลขมหาศาลแน่นอน ด้วยช่วงเวลาเพียงแค่ 7 วัน เป็นตัวเลขที่สามารถจะผสมโรงภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมากทีเดียว

 

          ในทางกลับกัน ตัวเลขดังกล่าวถ้านำไปพัฒนาชาติบ้านเมืองก็สร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจได้มากมายเช่นกัน ใครไม่รู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็น 7 วันอันตราย เพราะอันตรายที่เกิดขึ้นใน 7 วันนี้ทำอันตรายชาติบ้านเมืองได้จริงๆ

 

          ในช่วงวันปรกติธรรมดา ที่เกิดอุบัติเหตุล้มละลายและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง สาเหตุสำคัญก็ไม่พ้นความประมาทที่มาจากความเมา แต่อาจจะมีเมาอย่างอื่นนอกจากน้ำเมาเพิ่มเข้าไปด้วย เช่น เมายาบ้า เป็นต้น นี่ก็ไม่ควรจะละเลยให้ความสำคัญกัน ยังไงก็ถือว่าอยู่ในอย่างหนึ่งของอบายมุขเช่นกัน

 

          ก็คงจะยังเป็นภาระหนักของคนไทยด้วยกันอีกจำนวนมากมาย ตั้งแต่คนในครอบครัว พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย ไปจนถึงผู้ปรารถนาดีอย่างหน่วยงาน สสส. กระทรวงสาธารณสุขมหาดไทย เป็นต้น ก็คงจะต้องรณรงค์กันต่อไป อย่างน้อยก็ยังต้องย้ำเตือน “เมาไม่ขับ” “ไม่ซ้อนคนเมา” เป็นต้น

 

          ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นทุกเรื่องเป็นสะพานเชื่อมไปสู่ “ทุกขภาวะ”  ตรงกันข้ามถ้าสังคมตั้งแต่ส่วนย่อยไปจนถึงสังคมใหญ่ ร่วมกันกำจัดเหตุร้ายไม่ให้เกิดขึ้นได้ (อีก) ย่อมเป็นสะพานไปสู่สุขภาวะทั้งกายและใจ

 

          พูดถึงทุกขภาวะหรือสุขภาวะมีเหตุการณ์อย่างอื่นที่คอยซ้ำเติม บั่นทอน และเสริมสร้างให้เกิดขึ้นผสมโรงเรื่องหลักที่กล่าวไว้ข้างต้น ที่น่าสังเกตว่าคนในสังคมบ้านเราจำนวนหนึ่งมักซ้ำเติมทุกขภาวะมากกว่าจะช่วยกันสร้างสุขภาวะ คือคนที่ผลิตสื่ออย่างรายการโทรทัศน์ มีการตั้งข้อสังเกตที่ตรงกับความรู้สึกของผมคือ โทรทัศน์เสรีของเรานั้นกระตุ้นให้เกิดทุกขภาวะแก่ประชาชนมากกว่าสร้างสุขภาวะ

 

          ว่ากันตั้งแต่ตัวรายการที่ส่วนใหญ่เนื้อหาปลูกฝังความไม่ดีงามในสำนึกของคนดูทุกระดับ แม้จะอ้างว่ามีการกำหนดเรตติ้งให้เมาะสมกับช่วงอายุคนดูก็ตาม ตั้งแต่รายการข่าวไปจนถึงละคร ตัวอย่างเช่น หลายช่องจัดรายการข่าวแบบ “วิจารณ์ข่าว คนที่นั่งอ่านวิจารณ์ชี้นำโน้มน้าวให้เข้าข้างใดข้างหนึ่งเป็นชนวนดึงใจให้เกิดโลภ โกรธ หลง นำมาซึ่งทุกขภาวะ และในข่าวเดียวกันเฉพาะในช่องเดียวกันยังนำออกอากาศ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในด้วยวิธีเดียวกันเป็นการย้ำเชื่อมย้ำรู้สึก

 

          ละครหลายช่องที่จัดยังคงเน้นเนื้อหาที่โน้มน้าวให้เกิดการปลูกฝังการเห็นแก่ตัว ขาดความสามัคคี เป็นคนโหดร้าย แต่งกายด้วยชุดยั่วยวนทางกามารมณ์ เป็นต้น นั่นล้วนแต่สะสมทุกขภาวะทั้งสิ้น

 

          ด้านโฆษณา โทรทัศน์หลายช่องฉกฉวยโอกาสแสวงหาแต่ประโยชน์ตนไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงาม ตั้งแต่การโฆษณาเกินความเป็นจริง โฆษณาเกินกำหนด โฆษณาแฝง โดยเฉพาะการโฆษณาน้ำเมาเห็นได้ชัดว่าไม่ให้ความสำคัญในการที่จะช่วยรณรงค์ละลดเลิก ดึงความรู้สึกของคนให้ห่างความสนใจ นอกจากจะฉวยโอกาสโฆษณาแฝงแล้ว พอเข้าสู่ช่วงให้โฆษณาได้ คือ 4 ทุ่ม ผ่านไม่ทันถึง 30 วิ ก็ปล่อยโฆษณาน้ำเมาออกมาแล้ว

 

          สำหรับภาพดังกล่าวเป็นการบ่อนทำลายสุขภาวะ สะสมทุกขภาวะให้เกิดแก่สังคมไทยอย่างไม่รู้ตัวทีละเล็กทีละน้อย

 

          จะบอกใครดีล่ะว่าให้ลองตั้งข้อสังเกตดู บอกรัฐบาลดีมั้ย บอกได้แต่รัฐบาลอาจไม่กล้าแตะ กลัวจะถูกหาว่าแทรกแซงสื่อ คงต้องบอกประชาชนด้วยกันนี่แหละ ถ้าเห็นว่าโทรทัศน์เห็นแก่ได้ไม่คำนึงถึงสุขภาวะของประชาชนก็ให้ช่วยกันโวยให้ใครมาช่วยสร้างสุขภาวะไม่ได้ ก็ต้องรวมพลังช่วยกันเองนะครับ

          

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

 

 

Update 10-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code