สิ่งที่คุณควรรู้ในกรณีที่มีการระบาดทั่วโลก
สหประชาชาติจะช่วยคุณได้อย่างไร
สหประชาชาติมีเว็บไซต์ที่อยู่ใน iSeek (www.un.org/staff/pandemic) ที่จะคอยแจ้งให้พนักงานทั่วโลกทราบเกี่ยวกับการแพร่กระจายของโรคและผลกระทบที่จะมีต่อพนักงาน เว็บไซต์ทำงานแบบเดี่ยวๆ บนอินเตอร์เน็ทและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันสำหรับพนักงานของสหประชาชาติในแต่ละหน่วยงานหลัก พร้อมพับเว็บไซต์เชื่อมต่อกับหน่วยงาน กองทุน และโครงการต่างๆ ที่เหมาะสม
เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด สหประชาชาติทำงานใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ คอยกำกับดูแลเรื่องสุภาพและการระบาดของโรคต่างๆ ทั่วโลก สหประชาชาติยังร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลที่ดูแลด้านสุขภาพของแต่ละประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประสานงานในเรื่องการวางแผนในท้องถิ่นที่มีพนักงานของสหประชาชาติประจำอยู่
ในปี 2008 สหประชาติได้ตีพิมพ์แนวปฏิบัติทางการแพทย์ฉบับปรับปรุงใหม่สำหรับกรณีการระบาดทั่วโลก หน่วยงานที่ให้บริการทางการแพทย์ของสหประชาชาติต่างก็คุ้นเคยกับแนวปฏิบัติเหล่านี้ นอกจากนี้สหประชาชาติเห็นชอบกับแนวปฏิบัติด้านการบริหารสำหรับพนักงานในระหว่างเกิดการระบาดทั่วโลกด้วย
คุณควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
คุณควรที่จะเตรียมตัวสำหรับโอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนสินค้าในระหว่างที่มีการระบาดทั่วโลก การขนส่งสินค้าอาจจะเป็นไปได้อย่างลำบากมากขึ้นด้วย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่คุณจะต้องแน่ใจว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่จำเป็นดังนี้ เพื่อที่จะมีสิ่งของที่สำคัญเก็บสำรองไว้จำนวนมากพอ
– อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ครบถ้วนสำหรับคุณและครอบครัว
– ให้แน่ใจว่ามีสิทธิรับบริการตามระบบหลักประกันสุขภาพ สวัสดิการสุขภาพ หรือมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ความคุ้มครอง
– ปรอทวัดไข้สำหรับสมาชิกครอบครัวแต่ละคน
– สิ่งของที่เกี่ยวกับสุขอนามัย น้ำ อาหารสำหรับใช้ได้ 6 สัปดาห์
– หนังสือเดินทาง วีซ่า หรือใบอนุญาตที่จะอยู่ในที่ใดที่หนึ่งหรือให้เดินทางได้
– ข้อมูลติดต่อฉุกเฉินล่าสุดที่องค์กรของคุณมีสำหรับคุณและครอบครัวของคุณ
มาตรการทางสังคมเพื่อลดการแพร่เชื้อในชุมชน
“การจัดระยะห่างทางสังคม” คือ อะไร
การจัดระยะห่างทางร่างกาย หมายถึง การปฏิบัติตัวเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลประมาณหนึ่งเมตร (สามฟุต)
การจัดระยะห่างทางสังคม หมายถึง มาตรการที่กำหนดโดยหน่วยงานด้านสุขอนามัยของรัฐเพื่อลดการแพร่กระจายของไวรัสในชุมชน
รัฐบาลท้องถิ่นอาจขอให้คุณอยู่แต่ในชุมชนหรือบ้านของคุณในช่วงที่มีการระบาดทั่วโลก การลดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะช่วยลดโอกาสที่ไวรัสจะแพร่กระจายมากขึ้น ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวอาจรวมไปถึงแนวปฏิบัติดังต่อไปนี้
– การปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
– การปิดสถานบริการรับเลี้ยงเด็ก หรือคนชรา
– การยกเลิกการประชุมที่มีกลุ่มคนมากและบริการขนส่งสาธารณะ
เราสามารถลดโอกาสในการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ได้อย่างไร
– ปฏิบัติตามแนวทางในการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล
– งดใช้ภาชนะหรือแก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น
– ทำความสะอาดภาชนะที่ผู้ป่วยใช้แล้วหรือที่ผู้ป่วยสัมผัส ด้วยน้ำสบู่ผสมน้ำอุ่นหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
– หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ผู้คนแออัด ที่อาจทำให้คุณต้องใกล้ชิดกับผู้อื่น
– ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะยิ่งทำให้คุณเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่ายขึ้นและอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้
– พยายามหยุดอยู่บ้านหากรู้สึกว่า มีไข้ หรือ ไอ
คุณจะดูแลตนเองและผู้อื่นได้อย่างไร
การดูแลตนเอง
ข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้เป็นแนวทางสำหรับคุณและบุคลที่คุณพยาบาลอยู่ เพื่อที่จะบรรเทาอาการของไข้หวัดใหญ่ได้ แน่นอนว่าหากอาการเริ่มหนักขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์ทันที
– หากวัดไข้แล้วไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส หรื 100.4 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นไปได้ว่าคุณไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่
– พักผ่อนและหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น
– อยู่บ้าน
– ดื่มน้ำมากๆ (น้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ทุกๆ ชั่วโมง)
– รับประทานยาพาราเซตามอล (หรืออีกชื่อ คือ อะเซตามิโนเฟน) เพื่อลดไข้และแก้ปวด (ต้องตระหนักไว้ว่ายาไม่ได้เป็นตัวทำลายไวรัส เพียงแต่บรรเทาอาการไข้เพื่อให้รู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น)
– กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
– ใช้น้ำเกลือหยอดจมูกเพื่อช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก
– รักษาจมูกให้สะอาดโดยใช้กระดาษทิชชูและอย่าลืมทิ้งลงถังขยะทุกครั้งที่ใช้ หลังจากนั้นล้างมือให้สะอาด
– อย่าสูบบุหรี่
การดูแลผู้อื่น
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่สามารถที่จะพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ โดยมีสมาชิกในครอบครัว หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านช่วยรักษาพยาบาล ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในช่วงที่เชื้อไวรัสกำลังฟักตัว หรือช่วงที่มีอาการล้วนมีความเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัดใหญ่ จุดประสงค์หลักในการให้รักษาตัวอยู่บ้านก็เพื่อช่วยจำกัดการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั้งในและนอกบ้าน ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่เชื้อนี้จะแพร่กระจายไปยังบุคคลในครอบครัว แต่ทุกคนก็จะต้องดูแลกันและกันอยู่แล้วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย
การจัดการผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
ต้องจัดให้มีการแยกผู้ป่วยที่มีเชื้อไข้หวัดใหญ่ออกจากสมาชิกคนอื่นที่อยู่ในบ้านให้ได้มากที่สุด ควรมีการจัดห้องที่แยกต่างหากเพ่อผู้ป่วยโดยเฉพาะ ซึ่งการทำเช่นนั้น คุณอาจจะต้องหาเตียงเสริมและสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว และผ้าพลาสติกคลุมที่นอน
ควรลองพิจารณาว่าที่ไหนในบ้านที่จะสามารถจัดที่พักสำหรับผู้ป่วยให้อยู่แยกจากสมาชิกคนอื่นได้ ควรพิจารณาด้วยว่าจะสามารถระบายอากาศจากห้องนี้ได้อย่างไร สิ่งสำคัญ คือ อากาศต้องถ่ายเทออกไปข้างนอก โดยไม่ให้ย้อนกลับไปในบ้านอีก ดังนั้นจึงต้องเตรียมแผนให้พร้อม
– เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส คนที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วย คือ ผู้ที่จำเป็นต้องเข้าไปจริงๆ เท่านั้น และพวกเขาจะต้องล้างมือทุกครั้งหลังจากออกจากห้อง การใส่หน้ากากอนามัยอาจเป็นประโยชน์ แต่ต้องอย่าลืมว่าหน้ากากไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะป้องกันโรคได้ทั้งหมด
– ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน ในช่วงที่พวกเขามีโอกาสที่จะแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้มากที่สุด (เช่น 7 วันหลังจากเริ่มมีอาการในผู้ใหญ่ หรือ 24 – 48 ชั่วโมงหลังจากที่อาการเริ่มทุเลาแล้ว แต่ระยะไหนจะนานกว่ากัน) หากจำเป็นที่จะต้องออกจากบ้าน (เช่น ไปพบแพทย์) ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามมารยาทเวลาไอ (เช่น การปิดจมูกและปากเวลาไอหรือจาม) หรือสวมหน้ากากอนามัย (ถ้ามี)
– การสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง หากคุณเลือกที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัย ควรใส่ให้ครอบคลุมจมูก ปาก และคาง และยึดสายรัดให้กระชับ พร้อมทั้งปรับให้แผ่นโลหะอยู่ตรงกับจมูกของคุณเพื่อมิให้มีอะไรเล็ดลอดออกมา เมื่อต้องการถอดหน้ากากออก ให้ใช้มือจับสายเท่านั้น จากนั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วมัดให้แน่น ก่อนที่จะนำเอาไปทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิด อย่างไรก็ตาม คุณควรจะตระหนักว่าหน้ากากไม่สามารถลบความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ทั้งหมด
การจัดการดูแลผู้อื่นที่อยู่ในบ้าน
– บุคคลอื่นหรือผู้ที่มาเยี่ยมผู้ป่วยที่ยังไม่เคยสัมผัสกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลกมาก่อน รวมถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลผู้ป่วย หรือมีหน้าที่ช่วยเหลือใดๆ ไม่ควรเข้ามาในบ้านที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลกอาศัยอยู่
– หากผู้ที่ไม่เคยสัมผัสโรคจำเป็นต้องเข้ามาในบ้าน พวกเขาก็ควรหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
– สำหรับผู้ที่ไม่ป่วยที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้ป่วยควรจำกัดการสัมผัสกับผู้ป่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สิ่งที่ควรทำ คือ จัดให้มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่รักษาพยาบาลหลักแต่เพียงผู้เดียว
– สมาชิกในบ้านควรระมัดระวังและเฝ้าดูว่าตนเองมีอาการแสดงของไข้หวัดใหญ่หรือไม่
มาตรการในการควบคุมการแพร่เชื้อในบ้าน
– สมาชิกในบ้านทุกคนควรจะปฏิบัติตมแนวทางในการรักษาสุขลักษณะของมืออย่างเข้มงวด หลังจากที่มีการสัมผัสกับผู้ป่วย หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอยู่ (เช่น การล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์)
– ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการวิจัยยืนยันถึงประโยชน์ของการสวมใส่หน้ากากภายในบ้านเพื่อลดการติดเชื้อ การให้ผู้ป่วยหรือผู้รักษาพยาบาลสวมใส่หน้ากากอาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การใส่ถุงมือหรือเสื้อคลุมไม่มีความจำเป็นสำหรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยภายในบ้าน
– ควรจะล้างจานและภาชนะในเครื่องล้างจานหรือล้างด้วยมือในน้ำอุ่นและสบู่ โดยไม่จำเป็นต้องแยกอุปกรณ์รับประทานอาหารของผู้ป่วยออก
– เสื้อผ้าสามารถซักในเครื่องซักผ้าด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำเย็นพร้อมกับผงซักฟอกได้ตามปกติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแยกเสื้อผ้าของผู้ป่วยมาซักต่างหาก ควรให้ความใส่ใจกับเสื้อผ้าที่ใช้แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน (เช่น หลีกเลี่ยงการหอบเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว) และควรล้างมือให้สะอาดหลังจากที่จัดการกับเสื้อผ้าที่ใช้แล้วเหล่านั้น
– กระดาษทิชชูที่ผู้ป่วยใช้แล้วควรจะทิ้งใส่ถุง แล้วจึงนำไปทิ้งพร้อมกับขยะอื่นๆ พยายามหาถุงมาวางไว้ข้างเตียงผู้ป่วยให้ทิ้งของได้โดยง่าย
– ควรทำความสะอาดสิ่งของในบ้านเป็นประจำ
ที่มา: หนังสือไวรัสหวัด 2009 (H1 N1)
Update:27-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่
ดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมด คลิกที่นี่