สานพลัง 7 อาสา สร้างจังหวัดเข้มแข็ง เมื่อ “สุขภาพ” เริ่มต้นจาก “ชุมชน”

เรื่องโดย : พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : งานประชุม “สานพลังภาคีอาสา สร้างจังหวัดเข้มแข็ง” จ.ขอนแก่น
ภาพโดย พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

ภาพหน้าปกบทความ สานพลัง 7 อาสา สร้างจังหวัดเข้มแข็ง เมื่อ “สุขภาพ” เริ่มต้นจาก “ชุมชน”

                    …ในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “สุขภาพ” ไม่อาจจำกัดอยู่แค่เรื่องของโรงพยาบาลหรือการรักษาโรคอีกต่อไป แต่ต้องเริ่มจากรากฐานของสังคม นั่นคือ “ชุมชน” ที่เข้มแข็งและมีพลังร่วมกันในการดูแลตนเอง…

                    นี่คือหัวใจของการประชุม “สานพลังภาคีอาสา สร้างจังหวัดเข้มแข็ง” ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ 6 ภาคีอาสา และองค์กรท้องถิ่น เพื่อตอกย้ำว่า “สุขภาวะ” คือ เรื่องของเราทุกคน

ภาพประกอบ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

                    นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยข้อมูลชวนคิดว่า… แม้ประเทศไทยจะติดอันดับ 5 ของโลกในด้านดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพ แต่กลับมีอายุคาดเฉลี่ยของประชากรอยู่อันดับ 78 ของโลก จากรายงานประจำปี 2566 พบว่าคนไทยมีสาเหตุการตายในกลุ่มอายุน้อย และวัยทำงานที่มากถึง 170,000 คน ซึ่งสะท้อนช่องว่างระหว่าง “ระบบ” กับ “คุณภาพชีวิตจริง” โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและเยาวชนที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเนือยนิ่ง การบริโภคหวาน มัน เค็ม”

                    จังหวัดขอนแก่น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีปัญหาด้านสุขภาพที่สูง ส่งผลต่ออายุคาดเฉลี่ยที่ยังไม่เกินเกณฑ์ ซ้ำอายุคาดเฉลี่ยของ จ.ขอนแก่น ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ จึงถูกหยิบยกเป็นพื้นที่เป้าหมาย แต่แทนที่จะมองปัญหาเป็นภาระส่วนกลาง สสส. และภาคีทั้ง 7 กลับวางกลยุทธ์ให้ “ชุมชนเป็นเจ้าของปัญหา” และร่วมกันหาทางออกด้วยตนเองอย่างเข้าใจ

                    ซึ่งบทบาทของ สสส.มีหน้าที่หนุนเสริมสังคม เพื่อประชาชนให้มีความเข้มแข็งสามารถเป็นเจ้าของปัญหา และแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ โดย สสส.อยากให้ทุกพื้นที่มีความพร้อมในการทำงานร่วมกันจะทำให้ชุมชนสามารถจัดการปัญหาสุขภาพของตนเอง และวัดผลลัพธ์ได้

ภาพประกอบ ผศ.ดร.วิบูลย์ วัฒนนามกุล จากสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น

                    ผศ.ดร.วิบูลย์ วัฒนนามกุล จากสมัชชาสุขภาพจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า เทศบาลตำบลสาวะถี คือพื้นที่ที่นำแนวคิดนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง ด้วยการบูรณาการเรื่องการท่องเที่ยว วัฒนธรรม อาหารปลอดภัย และการดูแลกลุ่มเปราะบางเข้าด้วยกัน โดยใช้เครื่องมืออย่าง TCNAP (Thailand Community Networking Appraisal Program) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลระดับตำบลและออกแบบแผนงานที่เหมาะกับบริบทของตนเอง

                    อีกทั้ง จ.ขอนแก่นนั้น มีเรื่องของการท่องเที่ยว วัฒนธรรม วิถีชีวิต การจัดการระบบอาหารปลอดภัยและคนกลุ่มเปราะบางในชุมชน โดยทางเทศบาลได้พัฒนาตำบลสุขภาวะผ่านการทำงานของเครือข่ายท้องถิ่นในการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ภายในชุมชน

ภาพประกอบ ครูสาหร่าย ครูศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลตำบลสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น

                    หนึ่งในโมเดลที่สร้างแรงบันดาลใจ คือ “เมืองอัจฉริยะบ้านโนนกู่” ชุมชนที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งครูสาหร่าย ครูศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลตำบลสาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำเสนอให้เป็นพื้นที่ฝึกอาชีพสำหรับเด็กออทิสติก ด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่งดงาม

                    กิจกรรมเกษตรอินทรีย์ เช่น ปลูกผัก ปลูกเห็ด เลี้ยงไก่ รวมถึงศิลปะและงานฝีมือ เช่น วาดภาพ ปักผ้า ทำพรมเช็ดเท้า กลายเป็นทั้งเครื่องมือฟื้นฟูจิตใจ และสร้างทักษะอาชีพที่นำไปสู่ความมั่นคงในชีวิตของเด็กพิเศษเหล่านี้

ภาพประกอบกลุ่มคนเปราะบาง ออทิสติก กำลังเก็บไข่ไก่จากฟาร์มไก่

                    ตามมาด้วยเรื่องราวการถอดบทเรียนตัวอย่างความสำเร็จของสาวะถีโมเดล โดย ครูสาหร่าย  เล่าว่า   “การช่วยเหลือให้คนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะบุคคลออทิสติกนั้น นอกจากการใช้ยาแล้วการใช้สภาพแวดล้อมก็ช่วยได้ โดยเฉพาะเรื่องของการเกษตรอินทรีย์

                    รวมถึงการฝึกวิชาชีพอื่น ๆ อย่างการทำศิลปะ วาดภาพ ปักผ้า ทำพรมเช็ดเท้า ซึ่งเด็กจะได้ทำงานและฝึกพัฒนาทักษะตามที่ตนเองชอบและถนัดด้วยเพราะสิ่งนี้จะต้องอาศัยความละเอียดการเอาใจใส่ และความใจจดใจจ่อ ซึ่งเป็นองค์ประกอลที่ทำให้เกิดความสุขอีกด้วย

ภาพประกอบ ภาพหมู่ของ 7 ภาคี ประกอบไปด้วย สสส., สช., นิด้า, สวรส., บพท., พอช., สปสช.

                    บทเรียนจากการสานพลังในครั้งนี้ คือ การทำงานร่วมกันของ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สสส., สช., นิด้า, สวรส., บพท., พอช., สปสช. ที่เน้นการทำงานในระดับพื้นที่จริงจัง ไม่ใช่การลงนโยบายจากส่วนกลางอย่างเดียว แต่เป็นการลงมือ “เปลี่ยน” จากฐานราก เพื่อให้แต่ละจังหวัดสามารถกำหนดอนาคตของตนเอง

                    เป้าหมาย คือ การลดความเหลื่อมล้ำใน 5 มิติหลัก ได้แก่ พฤติกรรมสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ชุมชนเข้มแข็งระบบบริการสุขภาพ c]t นโยบายสาธารณะ  เมื่อทุกฝ่ายในชุมชนมีส่วนร่วมในการ “เห็น” ปัญหา “เข้าใจ” ปัญหา และ “ลงมือ” แก้ไขด้วยกัน — สุขภาวะก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

                    และหากสุขภาวะ คือ รากฐานของการพัฒนาประเทศ ก็คงกล่าวได้ว่า การสานพลังในระดับชุมชนวันนี้ คือ การวางรากฐานให้กับ “ประเทศเข้มแข็ง” ในวันหน้าอย่างแท้จริง

Shares:
QR Code :
QR Code