สานพลังขับเคลื่อนนโยบายป้องกันการจมน้ำในประเทศไทย ร่วมส่งเสริมผู้ก่อการดี-ชุมชนป้องกันการจมน้ำ มุ่งสู่เป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
กรมควบคุมโรค ร่วมกับเครือข่ายขับเคลื่อนนโยบายป้องกันการจมน้ำในประเทศไทย มุ่งสู่เป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สสส. ร่วมหนุนเสริมผู้ก่อการดี-สานพลังชุมชนป้องกันการจมน้ำ
วันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2566) ที่โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานการสัมมนาป้องกันการจมน้ำประเทศไทย เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีการดำเนินงานป้องกันการจมน้ำ ตามเป้าหมายที่กำหนดในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมีนายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค , แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภาไทยเข้าร่วม พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งภาคสาธารณสุข ภาคท้องถิ่น ภาคการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน นักวิชาการ และจิตอาสา ทั่วประเทศ และผู้แทนทีมผู้ก่อการดีที่เข้ารับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสิ้น 500 คน
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจมน้ำเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั้งในระดับโลกและประเทศไทย ในระดับโลกทางองค์การสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันการจมน้ำ จนเกิดเป็นฉันทามติร่วมกันในการป้องกันการจมน้ำเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 และจากรายงานจากองค์การอนามัยโลกพบว่า การจมน้ำเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก ที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 2 รองจากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ในแต่ละปีทั่วโลกมีคนจมน้ำเสียชีวิตปีละ 372,000 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 146,000 คน สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลมรณบัตรในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555 – 2564) พบผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ 35,915 คน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 7,374 คน หรือกล่าวได้ว่า ในทุกๆ วันเราสูญเสียคนไทยจากการจมน้ำถึงวันละ 10 คน
สำหรับประเทศไทยได้กำหนดให้การลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำเป็นเป้าหมายหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยภายในปี 2580 ต้องลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้ไม่เกิน 2.5 ต่อประชากรเด็กแสนคน หรือประมาณ 290 คน ซึ่งปัจจุบันอัตราการเสียชีวิตของเด็กอยู่ที่ 6.3 ต่อประชากรแสนคน หรือ 667 คน และลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำในทุกกลุ่มอายุ ให้ลดลงจากปี 2560 อย่างน้อยร้อยละ 50 หรือไม่เกิน 1,940 คน ซึ่งปัจจุบันในทุกกลุ่มอายุ มีคนจมน้ำเสียชีวิต 3,990 คน ดังนั้น ความท้าทายที่สำคัญคือ “จะทำอย่างไร ให้คนไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำลดลงตามเป้าหมายที่กำหนด”
นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทย ได้มุ่งเน้นดำเนินงานป้องกันการจมน้ำในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 1 และตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ดำเนินการ นับตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2564 เราสามารถลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กลงได้ถึงร้อยละ 55 จากการเสียชีวิตปีละ 1,500 คนในปี 2549 เหลือ 667 คนในปี 2564 อย่างไรก็ตามในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ส่งผลให้การเสียชีวิตจากการจมน้ำเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึง ประเทศไทย ที่พบว่าเพิ่มขึ้นถึงเกือบร้อยละ 10
“ซึ่งกลไกการขับเคลื่อนงานจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกัน ตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงระดับนโยบาย สำหรับประเทศไทยเรามีทีมผู้ก่อการดี (MERIT MAKER) ป้องกันการจมน้ำ ซึ่งใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อปิดช่องว่างของการแก้ปัญหาที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้เข้าไปอยู่ในระบบได้ ส่วนในระดับนโยบายเราใช้กลไกของมติสหประชาชาติ ทั้ง 10 ประเด็น เพื่อให้มีการดำเนินมาตรการป้องกันการจมน้ำจากทุกสาเหตุในทุกมิติ” นายแพทย์อภิชาต กล่าว
นายแพทย์ธเรศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบรางวัลให้แก่ทีมผู้ก่อการดี เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เครือข่ายที่ดำเนินงานป้องกันการจมน้ำ โดยเฉพาะทีมผู้ก่อการดีระดับเพชร และระดับทอง ที่ได้รับโล่รางวัล จากท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และทีมผู้ก่อการดีระดับเงิน ซึ่งเป็นโล่รางวัลจากท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และขอเป็นกำลังใจให้แก่ทีมผู้ก่อการดีที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต เพราะพวกท่านทุกคนล้วนเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยกันพัฒนาการดำเนินงานป้องกันการจมน้ำที่จะมุ่งสู่เป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และช่วยให้คนไทยมีชีวิตรอดปลอดภัย เติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.สนับสนุนการดำเนินงานโครงการการขับเคลื่อนการป้องกันการจมน้ำในชุมชน ร่วมกับ กรมควบคุมโรค และภาคีเครือข่าย ดำเนินการในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงจากการจมน้ำ เพื่อให้เกิดการขยายเครือข่ายพร้อมพัฒนาศักยภาพการป้องกันการจมน้ำระดับพื้นที่ กับทีมผู้ก่อการดีหรือ (MERIT MAKER) พร้อมรณรงค์สื่อสารให้เห็นความสำคัญและเกิดความตระหนักร่วมกัน หนุนเสริมโครงการเพื่อป้องกันและลดอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำ โดยทีมเครือข่ายผู้ก่อการดี ป้องกันการจมน้ำ สร้างกลยุทธ์ที่ทำให้เกิดองค์ความรู้ และการทำงานอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมปัจจัยเสี่ยงด้านตัวบุคคลและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ในรูปแบบสหสาขา และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ ปัจจุบันมีทีมผู้ก่อการดี จำนวน 4,931 ทีม ครอบคลุม 746 อำเภอ 77 จังหวัด ทำให้แหล่งน้ำในชุมชนเป็นพื้นที่ปลอดภัย เด็กสามารถประเมินความเสี่ยง และรู้ระวังเท่าทัน รวมถึงสามารถปกป้องตัวเองจากการจมน้ำได้