สานต่อนวัตกรรม เพื่อเยาวชน
ในงานเสวนา “ความยั่งยืนของนวัตกรรม ข้อปฏิบัติที่ดีและรูปแบบที่พัฒนาโดยชุมชน” นางสาวปาณิศา อายะนันท์ ผอ.ศูนย์สร้างสรรค์เพิ่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ (กลุ่มพลังโจ๋) กล่าวว่า จากการดำเนินงานร่วมกับเด็กและเยาวชน ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา กลไกสำคัญในการพัฒนา เด็กและเยาวชนที่ยั่งยืนที่สุด คือ การพัฒนากลไกชุนชน เริ่มตั้งแต่เกิดใน “ครอบครัว” พ่อแม่การเลี้ยงดูแบบไหน “ชุมชน” และ “โรงเรียน” ครูในโรงเรียน ล้วนเป็นสภาพแวดล้อมที่จะกำหนดการดำเนินชีวิตของเด็กและเป็นรากฐานสภาพจิตใจ
แต่คนที่ใกล้ชิดเด็กเหล่านี้มีความรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กมากน้อยแค่ไหน
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็ก อาทิ อนามัยเจริญพันธุ์ ความรู้สิทธิเด็ก การปกป้องคุ้มครองเด็ก เป็นต้น ดังนั้น ต้องหมั่นเติมความรู้ให้กับชุมชน โรงเรียน และเติมเรื่องการสื่อสาร การใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เข้าถึงเด็กและเยาวชน เพราะบางครั้งการคำนึงถึงแต่นโยบาย ทำให้ไม่สามารถสื่อสารกับเด็กได้ เช่น เรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ การสวมถุงยางอนามัย การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
“จริง ๆ แล้วบุคคลในชุมชน เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีพลังมาก มีศักยภาพ แต่ไม่มั่นใจในการสื่อสารกับเด็ก หรือคนในครอบครัวของเด็ก ทำให้ต้องเชิญคนนอกเข้ามา ทั้งที่มีความใกล้ชิดกับเด็กมากกว่า สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ครอบครัวไหนเสี่ยงเกิดการใช้ความรุนแรง เพียงแค่เติมเรื่ององค์ความรู้ การสื่อสาร ลงไปเท่านั้น หรือในกรณีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สามารถส่งต่อข้อมูลสิทธิประโยชน์พื้นฐานว่า สามารถขอรับถุงยางอนามัยที่ไหนได้” นางสาวปาณิศา กล่าว
ด้าน ดร.นพ.บุญญฤทธิ์ สุขรัตน์ ผอ.สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากประสบการณ์ในทำงานในภาคนโยบายของรัฐ เห็นว่า นวัตกรรมด้านดิจิตอล แพลตฟอร์มต่าง ๆ ในรอบ 10 ปี มีมากมาย ส่วนใหญ่อายุสั้น เพราะวงจรชีวิตเบาบาง การทำนวัตกรรมเพื่อเด็กและเยาวชน ในปีแรกมีแรงขับเคลื่อนเต็มเปี่ยม มีไอเดีย และมีสปอนเซอร์พร้อม แต่เมื่อคิดค้นเสร็จสิ้น ถึงคราวส่งมอบนวัตกรรมให้ภาครัฐมากำกับดูแลต่อนั้น กลับไม่เหมือนแรกที่วาดไว้ เนื่องจากสำนักงบประมาณ “ตีความ” งบประมาณ นวัตกรรม ที่หน่วยงานเอกชน และองค์กรอิสระ จัดทำและส่งมอบให้ ไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่ต้องทำต่อ ทำให้ขาดงบประมาณในดูแล
ดังนั้น แอปพลิเคชั่น หรือ แพลตฟอร์ม จึงไม่เกิดการสานต่อ และไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้น กลายเป็นวงจรนวัตกรรมอายุสั้น เพราะมีแค่เกิด-ดับ วนเวียน
“มีเพียงนวัตกรรมที่ไม่มีใครทำและมีความจำเป็นต้องมีเท่านั้น ที่จะได้ไปต่อ เช่น สายด่วน 1663 ปรึกษาปัญหาท้องไม่พร้อม และต้องการยุติการตั้งครรภ์ที่มีความปลอดภัย เรื่องแบบนี้ไม่มีใครทำกัน ดังนั้น ต้องคิดและสร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายนวัตกรรมที่มีแล้วจากไป เยอะไปหมดโดยเฉพาะแอปพลิเคชั่นของวัยรุ่น” ดร.นพ.บุญญฤทธิ์ กล่าว
สำหรับนวัตกรรมที่กรมอนามัย ยังคงดำเนินการ ได้แก่
- สายด่วน 1663 ช่องทางปรึกษากรณีท้องไม่พร้อม ให้บริการทุกวัน 9.00-21.00 น. และยัง ครอบคลุม ปรึกษาแพทย์ ระบบ ออนไลน์ที่ www.rsathai.org. หรือ Line official ไอดี ไลน์ : @RSAthai. เมื่อแรกได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ปัจจุบันได้รับสนับสนุนงบประมาณสานต่อจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ถือเป็นหนึ่งบริการสุขภาพที่มีความจำเป็น
- Line Official Teen Club เพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และอนามัยการเจริญพันธุ์ให้แก่เด็ก และเยาวชน เป็นช่องทางสื่อสารกับเด็กรุ่นใหม่ ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศวิถีศึกษาที่ถูกต้อง และแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม โดยอยู่บนพื้นฐานของการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว โดย TEEN CLUB จะเป็นศูนย์กลางความรู้ต่าง ๆ ที่วัยรุ่นสงสัยแต่ไม่กล้าถามใคร แล้วยังช่วยให้เข้าถึงบริการคุมกำเนิดได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน TEEN CLUB เชื่อมต่อการนัดหมายกับแพทย์ ทำให้มีความยั่งยืน
ดร.นพ.บุญญฤทธิ์ ยอมรับว่า ปัจจัยความยั่งยืนของแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ มีตั้งแต่ 1.รูปลักษณะที่ดึงดูดมีผล เพราะฟังก์ชั่นดีแต่ไม่ดึงดูด ก็จบ 2.ใช้ได้จริง และมีอายุยืนยาว 3.ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดูแลแอปพลิเคชั่นต้องใช้เงิน เพราะต้องใช้แอดมินดูแล และเช่าเซิร์ฟเวอร์
“อายุของแอปพลิเคชั่นหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสม ควรมีอายุมากกว่า 5 ปี และต้องใช้ได้จริง” ดร.นพ.บุญญฤทธิ์ กล่าว
ขณะที่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า นวัตกรรมที่พบในสังคมไทย แบ่งออก 2 แบบ ได้แก่ นวัตกรรมเชิงระบบ นวัตกรรมเชิงสังคม ที่ไม่ได้มาจากการทำงานศึกษาวิจัยอย่างเดียว แต่เป็นการลงพื้นที่เก็บข้อมูล เน้นการแก้ปัญหาของภาคประชาชนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งวงจรนวัตกรรมทั่วไปเหมือนวัฏจักรในพุทธศาสนา เกิดขึ้น (มีนวัตกรรมใหม่)-ตั้งอยู่ (ใช้ประโยชน์ได้) – ดับไป (เตรียมถอยเมื่อมีนวัตกรรมใหม่เข้าที่ตอบโจทย์มากกว่าเดิม) แต่หากสามารถส่งต่อนวัตกรรม ให้คนมีบทบาทหน้าที่ตัดสินใจ ด้วยความเข้าใจนวัตกรรม จะช่วยให้เกิดการใช้นวัตกรรมต่อและคุ้มค่า
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ที่ผ่านในอดีต สสส. เคยสนับสนุนนวัตกรรมสายด่วน HIV รวมถึงฮอตไลน์ แนะนำเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พร้อม มีคนโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ต้องยอมรับกว่าคนจะยอมรับในระบบต้องใช้เวลา 4 ปี ขึ้นไป ขณะเดียวกันศักยภาพของระบบสายด่วนหรือนวัตกรรมต่าง ๆ ต้องไม่ใช่แค่ถามตอบ แบบขอไปที ควรมีการใส่ใจติดตามผลด้วย
“ไม่ควรตอบคำถามแบบไม่มีชีวิตจิตใจ แต่ต้องมีการติดตามข้อมูล และส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป ดูแลคนที่มีทุกข์ร้อนและโทรเข้ามาสอบถาม สำหรับในอนาคตของยั่งยืนของระบบนวัตกรรมต่าง ๆ เห็นว่า ควรนำโมเดลกลไกกุรกิจเพื่อสังคมเข้ามา หากบุคคล หรือ หน่วยงาน ที่มีส่วนร่วม ได้รับการลดหย่อนภาษี” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
ความยั่งยืนของเทรนด์นวัตกรรมในรูปแบบของแอปพลิเคชั่นหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะเป็นจริงได้หรือไม่ กระบวนการคิดค้น “ต้องตอบโจทย์” และ “แก้ปัญหาได้จริง”
ขณะเดียวกัน ปลายทางน้ำเลี้ยงเพื่อให้แอปพลิเคชั่นให้คงอยู่ก็สำคัญไม้แพ้กัน เมื่อตระหนักว่า “สปอนเซอร์” อยู่นานไม่มีอยู่จริง กระบวนการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ จึงนับเป็นเรื่องท้าทาย รอให้ผู้พัฒนานวัตกรรมได้แสดงศักยภาพ