สั่งสอบยาหวัดปลอม “วิทยา88” ขายผ่านเว็บ
ชี้ยาต้านมีใน รพ.-คลินิกเท่านั้น
สธ.ห่วงไข้หวัด 2009 ระบาดหนักช่วง ส.ค. – ก.ย.นี้ เพราะยอดผู้ป่วยสูงกว่าหวัดใหญ่พันธุ์เดิม 10 เท่า เตือนจะระบาดต่อไปจนถึง ม.ค. – ก.พ.ปีหน้า สั่ง อย.สอบเว็บโพสต์ข้อความหามีลักลอบนำโอเซลทามิเวียร์ไปขายญี่ปุ่น คณะอนุ กก.หวัดฯ เตรียมประสานทุกภาคส่วน 3 เหล่าทัพรวมพลังสู้ องค์การเภสัชกรรมเผยจ่ายยาต้านให้ภูมิภาควันละ 7 แสนเม็ด คาด 6 ก.ย.ทดลองวัคซีนในคนได้ ขณะที่องค์การอนามัยโลกเตรียมส่งวัคซีนชุดแรกหลังทราบผลทดลองในอาสาสมัครเร็วที่สุดเดือนหน้า
ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) วันที่ 7 สิงหาคม มีการแถลงผลการประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุน ป้องกัน ควบคุมและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
โดยนาย
นายวิทยากล่าวว่า การระบาดในรอบแรกของไทยครั้งนี้จะต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ม.ค. – ก.พ. ปีหน้า เพราะช่วงระบาดมากจะอยู่ที่ฤดูฝนและฤดูหนาว แต่การที่ประชาชนตื่นตัวมากขึ้นทำให้บางพื้นที่อัตราผู้ป่วยค่อนข้างคงที่ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับตัวเลขการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ไปยังคลินิกขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปการจ่ายไปในแต่ละวัน จะต้องปรับระบบการรายงานตัวเลขการใช้ยาที่เป็นจริง และเป็นตัวเลขปัจจุบันเพื่อให้ควบคุมได้
ซึ่งขณะนี้มีข้อกังวลกับเว็บไซต์ที่โฆษณาขายเกรงว่าจะเป็นยาปลอม และยังมีเว็บไซต์ในประเทศอ้างใช้ชื่อทำนองว่า “วิทยา 88” หรือ “วิทยา 99” โพสต์ข้อความว่ามีการลักลอบนำจากไทยส่งไปขายญี่ปุ่น ซึ่งกำลังให้ อย. ตรวจสอบอยู่ว่าลักลอบจริงหรือไม่ เพราะยาที่ผลิตในไทยถือเป็นความมั่นคงทางสาธารณสุข ต้องมีใช้ในประเทศอย่างเพียงพอ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคุณหญิง
ด้าน นพ.
นพ.วิทิตกล่าวถึงเว็บไซต์โฆษณาขายยาต้านที่เกรงจะเป็นยาปลอมว่า ยาต้านมีเฉพาะใน รพ. และคลินิกเท่านั้น ไม่ควรซื้อผ่านเว็บหรือช่องทางอื่น เพราะอาจไม่ใช่ยาจริง และเกิดผลข้างเคียง เนื่องจากการใช้ยาต้านต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
นพ.
1. สถาบันศึกษาผ่านกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนสังกัด กทม. และเอกชน 40,153 แห่ง
2. สถาบันอุดมศึกษา ร่วมกับมหาวิทยาลัยรัฐ เอกชน ราชภัฏ ราชมงคล
3. กลุ่มบริการขนส่งสาธารณะ องค์การขนส่งมวลชน การรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เรือด่วนเจ้าพระยา ที่จะติดตั้งเจลล้างมือบริเวณให้บริการ อาทิ บนรถเมล์ ท่าเรือ สถานี ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะสนับสนุน 2 แบบ คือ การมอบเจลล้างมือให้ช่วงแรกและประสานกับองค์การเภสัชกรรมเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ซื้อในราคาต่ำ โดยมีผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะไม่ต่ำว่า 2 ล้าน 6 แสนคนต่อวัน คาดว่าจะติดตั้งจุดล้างมือได้ภายในสัปดาห์หน้า
4. 3 เหล่าทัพที่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพบก ทัพเรือ และทัพอากาศ ที่จะให้สื่อนำความรู้เรื่องไข้หวัดเข้าไปเผยแพร่เพื่อดูแลกำลังพลและครอบครัวกว่า 2 ล้านคน
5. กทม. ที่ร่วมมือจัดมาตรการดูแลสถานที่ชุมชน อาทิ สวนสาธารณะ ตลาด โรงเรียน
6. กระทรวงแรงงานที่จะร่วมสนับสนุนสื่อในการจัดคาราวานแรงงานป้องกันไข้หวัด 2009 ทั่วประเทศ ที่มีแรงงานในประกันสังคมกว่า 9 ล้านคน
7. ชุมชนท้องถิ่นผ่านกระทรวงมหาดไทย สนับสนุนสื่อใน อบต. 6,746 แห่ง โดยคณะอนุกรรมการฯ จะเดินหน้าประสานความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานอื่นต่อไป ส่วนมาตรการระยะยาว ได้สนับสนุนให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยวิจัยพัฒนาวิธีการตรวจสอบภูมิต้านทาน เพื่อทราบภูมิคุ้มกันในระดับชุมชนใช้ประเมินประสิทธิภาพของวัคซีน
นพ.มงคลกล่าวว่า มาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมาดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว เรื่องทั้งหมดต้องรับผิดชอบร่วมกัน จุดอ่อนพบว่าการสื่อสารไปยังประชาชน การสร้างความเข้าใจยังไม่เพียงพอ ตอนนี้มีเพียงรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต ผู้ป่วย ซึ่งคิดว่าไม่มีประโยชน์ ควรหันมาให้ความรู้ถึงการควบคุมป้องกันมากกว่า ทั้งนี้ การแพร่เชื้อในต่างจังหวัดไม่น่าห่วง เพราะเป็นพื้นที่ไม่แออัด โรคนี้ไม่ได้อยู่ในอากาศ แต่มาจากน้ำมูกน้ำลาย ในชนบทจึงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า นางมารี-พอล ผอ.ด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์หลายแห่งกำลังทดลองวัคซีนดังกล่าวในมนุษย์ คาดว่าจะได้ทราบผลเร็วที่สุดในเดือนหน้า จากนั้นจะส่งมอบวัคซีนชุดแรกทันที พร้อมยืนยันว่าแม้จะเร่งส่งมอบและกระจายไปยังท้องตลาด ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update 09-08-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก
อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่