สะกดรอยตามสาย “ควิทไลน์” 1600
การจะตัดสินใจละเลิกบางสิ่งบางอย่างในชีวิต บางครั้งอาจจำเป็นต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเพื่อช่วยส่งเสริม สนับสนุน หรือแนะนำเหตุผลที่ถูกที่ควร นั่นจึงทำให้ 1600 สายเลิกบุหรี่ (Quitline 1600) เกิดขึ้นโดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเพื่อการเลิกบุหรี่ด้วยผู้ให้คำปรึกษาและอาสาสมัคร
จากสายโทรศัพท์เพียง 2 สายในวันเริ่มแรก 3 หน่วยงานได้แก่ กระทรวงสาธารณสุขสำนักงานหลักประกันสุขภาพ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้พัฒนาต่อยอดหลังมีการระดมความเห็นของนักวิชาการและผู้ปฏิบัติการที่เป็นบุคลากรวิชาชีพสุขภาพ และการระดมความคิดระดับนโยบายเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ และพบว่าสายเลิกบุหรี่เป็นหนึ่งในหนทางช่วยผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ที่ได้ผลและเข้าถึงได้ง่าย จึงทำให้เกิด”สายเลิกบุหรี่แห่งชาติ” ตามมา
สายเลิกบุหรี่ 1600 จึงกลายเป็นศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หรือเรียกสั้น ๆว่า ควิทไลน์ (Quitline) นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันศูนย์ฯ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง มากกว่า 2,000 ราย ต่อเดือน และมีการเพิ่มช่องทางการให้คำปรึกษาผ่านเว็บไซต์ของศูนย์ฯ เพื่อตอบสนองความต้องการให้ครอบคลุมโดยเน้นการให้คำปรึกษาโดยมุ่งให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลเชิงบวก เช่นการแนะนำผู้สูบบุหรี่ว่าทำอย่างไรชีวิตจึงจะปลอดบุหรี่ หรือเมื่อผู้สูบบุหรี่กลับไปสูบซ้ำอีกหลังจากเลิกแล้ว
โดยมีหลักพื้นฐานในการบริการไม่ต่างจากบริการเลิกบุหรี่อื่น ๆ คือ มีหลักให้คำปรึกษาที่มีเรียกว่า 5A ประกอบด้วย การสอบถามประวัติการสูบบุหรี่ การแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ การประเมินลักษณะการเสพติดและความพร้อมในการเลิกบุหรี่ การช่วยให้เลิกโดยให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการติดตามเพื่อให้กำลังใจและประคับประคองให้เลิกได้อย่างถาวร (Ask, Advice,Assess, Assist, Arrange to follow up)
“การอบรมผู้ให้คำปรึกษาของเรา เราจะไม่พูดลบ เราไม่พูดว่าเลิกบุหรี่เถอะแล้วจะไม่ตายด้วยมะเร็งหรือตายด้วยอย่างอื่น แต่เราบอกว่าชีวิตปลอดบุหรี่จะได้อะไร หลังจากให้คำปรึกษาไปแล้วติดตามครั้งที่ 1 …บางทีพอเราโทรฯ กลับไปเขาบอกช้าไปเสียแล้วสูบไปแล้วเมื่อเช้านี่เอง เราก็บอกว่า อ้าวสูบไปแล้วเหรอคะและถามว่าอดได้กี่วันโอ้ย อดได้ตั้ง 24
ชม. เพราะฉะนั้นถ้าจะเริ่มต้นใหม่ก็ย่อมทำได้เพราะทำมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว….เราก็จะบอกผู้สูบว่าคนที่เลิกบุหรี่มีความพยายามเลิกมากเท่าไรโอกาสจะประสบความสำเร็จมากเท่านั้น คนที่จะประสบความสำเร็จน้อยมากคือคนที่ยังไม่ได้พยายามเลิกเพราะฉะนั้นท่านเลิกแล้วได้ตั้ง 24 ชม. โอกาสเริ่มใหม่มีอยู่เสมอ” รศ.ดร.จินตนา ยูนิพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ ระบุระหว่างการประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพ”ครั้งที่ 9 หัวข้อ “เพศกับบุหรี่ : จุดเน้นการตลาดในผู้หญิง”
เพราะควิทไลน์เป็นบริการที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกเพศ วัย ระดับการศึกษา และอาชีพและเป็นการพูดคุยที่ไม่เห็นหน้ากัน ทำให้ผู้สูบบุหรี่สามารถพูดสื่อสารได้อย่างเปิดใจ ไม่เขินอาย นอกจากผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่จะโทรฯ มารับคำปรึกษากับควิทไลน์ด้วยตัวเองโดยตรงแล้ว ผู้ที่โทรฯ เข้ามาอีกจำนวนหนึ่งยังเป็นผู้ที่ขอรับคำปรึกษาเพื่อช่วยให้คนใกล้ชิดเลิกบุหรี่ด้วย
ปัจจุบันมีการกำหนดชัดเจนแล้วว่า การติดบุหรี่ถือเป็น “โรค” อย่างหนึ่งซึ่งต้องมีการบำบัดรักษา แนวทางการรักษาโรคติดบุหรี่ทางเวชปฏิบัติในระดับชาติมี 2 แบบ คือ การใช้ยาและวิธีพฤติกรรมบำบัดหรือการให้คำปรึกษาบริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์เป็นการรักษาแบบพฤติกรรมบำบัด ดำเนินการโดยผู้ประกอบวิชาชีพสุขภาพ พยาบาล นักจิตวิทยาทางคลินิกและนักสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ทางการแพทย์และมีประสบการณ์ในระบบบริการทางสุขภาพ
ทว่า ควิทไลน์ยังเผชิญหน้ากับโจทย์สำคัญที่ต้องหาทางแก้ นั่นคือ ความสามารถในการรองรับผู้รับบริการ เพราะปัจจุบันควิทไลน์สามารถรับสายได้ประมาณเดือนละประมาณ 4,000 ราย ในขณะที่มีสายโทรฯ เข้าประมาณ 6 หมื่น ราย
วิธีที่ใช้ในปัจจุบันคือโทรฯ กลับไปหาสำหรับผู้ที่ฝากข้อความและเบอร์โทรฯ ไว้ให้โทรฯ กลับดังนั้น บริการของควิทไลน์จึงมีทั้งเชิงรับและเชิงรุกเชิงรับ คือ การรับสายจากผู้รับบริการและให้คำปรึกษารายละประมาณ 20 นาที ส่วนเชิงรุก คือการโทรฯ กลับเพื่อให้คำปรึกษา และแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ การโทรฯ กลับจากการบันทึกในเครื่องโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต การโทรฯ กลับเมื่อมีการส่งต่ออย่างเป็นทางการจากภาคี และ การโทรฯกลับเพื่อป้องกันการสูบซ้ำ
วันนี้ผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชาย แต่เมื่อตลาดบุหรี่ในผู้ชายเริ่มอิ่มตัวและมีสัญญาณเตือนให้รู้ว่าผู้ค้าบุหรี่เริ่มขยายตลาดมาที่วัยรุ่นและผู้หญิง หน่วยงานด้านสุขภาพจึงต้องเฝ้าระวังและเตรียมตัวในการป้องกันและแก้ไขสิ่งที่จะเกิดผลตามมา เครื่องมือหนึ่งในการป้องกันแก้ไขคือการศึกษาวิจัย
แม้ควิทไลน์จะยังมีอายุเพียงแค่ 1 ปีกว่าและอาจมีบุคลากรไม่เพียงพอกับความต้องการในบางช่วง แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ต่อไป ขณะที่ข้อมูลและสถิติที่ได้รับ รวมทั้งด้านเพศและอายุจะเป็นประโยชน์ในงานศึกษาวิจัยต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update:27-08-53
อัพเดทเนื้อหาโดย:คีตฌาณ์ ลอยเลิศ