สอนเพศศึกษาแบบ “เปิด” ได้ผลดี ครู-สาธารณสุขโคราชการันตีเด็กไม่ท้อง!
ปัจจุบัน “แม่วัยรุ่น” กลายเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ จ.นครราชสีมา โดยในปี 2554 สถิติแม่วัยรุ่นที่คลอดลูกของเมืองโคราชมีอัตราเฉลี่ยวันละ 13.15 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนผู้หญิงที่มาคลอดลูกทั้งจังหวัด ซึ่งสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ต้องไม่เกินร้อยละ 10
นอกจากนี้ ข้อมูลสำรวจการใช้วิธีการคุมกำเนิดยังพบว่า กลุ่มวัยรุ่นหญิงใน จ.นครราชสีมาเพียงร้อยละ 40 เท่านั้นที่ใช้วิธีการดังกล่าว โดยวิธีที่เป็นที่นิยมคือกินยาคุมฉุกเฉิน ขณะที่ข้อมูลยังบ่งชี้เพิ่มด้วยว่า แม่วัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีจำนวนกว่าร้อยคนส่วนใหญ่มีสถานะก่อนตั้งครรภ์เป็นนักเรียน และขาดความรู้เรื่องเพศศึกษาและชีววิทยาการเจริญพันธุ์ที่ถูกต้อง โดยเข้าใจผิดว่าการร่วมเพศเพียงครั้งเดียวไม่ท้อง ที่สำคัญคือกลุ่มวัยรุ่นชายไม่สวมถุงยางอนามัย เพราะเข้าใจว่าเป็นการขัดขวางความรู้สึกทางเพศ ขณะเดียวกันการบริการคุมกำเนิดในสถานพยาบาล ยังเป็นการจัดการบริการสำหรับคู่สมรส ทำให้วัยรุ่นไม่กล้าขอรับคำปรึกษา จนเกิดเป็นปัญหาสังคมที่สร้างผลกระทบลุกลาม
ทว่า หลังจากลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ปัญหากับคณะอนุกรรมการวางยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติสู่การปฏิบัติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงเรียนบ้านหนองสรวง ต.หนองสรวง อ.ขามทะเลสอ ทางโรงเรียนกลับมีวิธีจัดการปัญหาเซ็กซ์ในวัยรุ่น โดยใช้กระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเข้าร่วมจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
บุญช่วย นาสูงเนิน หัวหน้างานควบคุมเอดส์ ในฐานะผู้ประสานงานหลักโครงการแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า รร.ขยายโอกาสบ้านหนองสรวงเป็นตัวอย่างที่ดีของเพศศึกษารอบด้านแบบบูรณาการ โดยหลังจาก รร.เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาเรื่องเพศในกลุ่มนักเรียน และพยายามศึกษาหาสาเหตุพร้อมขอความร่วมมือจากชุมชน จนสามารถผลักดันให้มีการสอนเพศศึกษารอบด้าน ที่สอดคล้องกับระดับช่วงชั้นตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา ส่งผลให้อัตราการท้องไม่พร้อมของนักเรียนภายในโรงเรียนมีค่าเป็นศูนย์มานานหลายปี ขณะที่อัตราการท้องไม่พร้อมในเยาวชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขต ต.หนองสรวง ลดลงจากร้อยละ 23 เหลือเพียงร้อยละ 18 แต่ในกรณีอายุน้อยกว่า 15 ปียังน่าเป็นห่วง เพราะแม้ว่าค่าตัวเลขระหว่างปี 2551-2555 จะไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็มีเปอร์เซ็นต์ขยับเพิ่มขึ้นในระดับศูนย์จุด ซึ่งในส่วนนี้ก็เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือเพื่อคิดหาวิธีป้องกันต่อไป
บุญช่วยกล่าวต่อด้วยว่าส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ มาจากการนำเอากระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมาร่วมปฏิบัติ โดยทางจังหวัดนำหลักสมัชชาสุขภาพมาแตกเป็น 14 มิติ และให้ความสำคัญกับสมัชชาวัยรุ่นเน้นในเรื่องท้องไม่พร้อมขึ้นเป็นอันดับ 5
“นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงๆ ที่ทุกภาคส่วนหันมาเอาจริง และลงมือแก้ปัญหาเรื่องท้องไม่พร้อมในกลุ่มเยาวชน ยิ่งเมื่อมีกระบวนการสมัชชาลงมาก็ยิ่งทำให้เกิดการประสานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จากต่างคนต่างทำก็หันมาร่วมกันทำ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด สาธารณสุข คณะกรรมการสถานศึกษา ชมรมผู้ปกครอง ฯลฯ เพราะจะให้โรงเรียนทำหน่วยเดียวก็ไม่ได้ ความเชี่ยวชาญบางอย่างก็ต้องอาศัยหน่วยงานอื่นมาให้ความรู้เพิ่มเติม เช่น โครงการ 400 โรงเรียน 400 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ที่โรงเรียนและโรงพยาบาลในพื้นที่จะจับคู่กัน จากนั้นทางโรงพยาบาลก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นวิทยากรสอนเด็กๆ ให้เข้าใจเรื่องเพศอย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น เป็นต้น” ผู้ประสานงานหลักโครงการแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม สสจ.นครราชสีมา ระบุ
ด้านบรรยงค์ นีขุนทด ผู้อำนวยการ รร.บ้านหนองสรวง กล่าวว่า หลังจากกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำหลักสูตรเพศศึกษาและทักษะชีวิตสำหรับเยาวชน โดยขออาสาสมัครโรงเรียนจังหวัดละ 2 แห่ง ตั้งแต่ปี 2548 ทาง รร.บ้านหนองก็ขานรับนโยบายดังกล่าว และมีความคิดเห็นว่านโยบายนี้ดำเนินการได้ แต่ติดปัญหาตรงสังคมไม่เปิดรับปัญหาเรื่องเพศที่เกิดขึ้นกับเยาวชน ไม่ว่าจะเป็นครูผู้สอน ผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ ผู้ปกครอง หรือแม้แต่ตัวนักเรียนเอง เพราะมัวแต่คิดว่ามันเป็นดาบสองคม เป็นการชี้โพรงให้กระรอก
“เราจึงทดลองทำหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศ 6 มิติ ได้แก่ พัฒนาการทางเพศ สัมพันธภาพระหว่างบุคคล ทักษะส่วนบุคคล พฤติกรรมทางเพศ สุขภาพทางเพศ และสังคมและวัฒนธรรม ใน 5 ช่วงชั้นเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ส่งเสริมให้นักเรียนรู้ถึงพัฒนาการทางเพศของแต่ละวัย 2.เพื่อให้นักเรียนรู้จักการดูแลสุขภาพของตนเอง 3.เพื่อให้นักเรียนมีทักษะชีวิต และ 4.เพื่อให้นักเรียนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สิ่งที่ได้รับก็คือตัวนักเรียนสนใจศึกษา และเมื่อเชิญตัวแทนชุมชนและตัวแทนผู้ปกครองมาปรึกษาหารือเพื่อทำความเข้าใจก็มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ คือชาวบ้านยอมรับว่าสิ่งที่เราทำนั้นมาถูกทางแล้ว ซึ่งผมคิดเสมอว่าการให้ความรู้เรื่องเพศแก่เด็กในแบบที่ถูกต้องตามสเต็ปที่ควรจะเป็นนั้น ดีกว่าปล่อยให้เด็กๆ ไปเรียนรู้เองอย่างผิดๆ” ผอ.รร.บ้านหนองสรวงแจง พร้อมกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า
เด็กนักเรียนที่ รร.บ้านหนองสรวงทุกคนดูแลตัวเองเป็น มีประจำเดือนมาก็ไม่ตกใจ หรือเมื่อเด็กผู้หญิงเริ่มมีหน้าอกก็ไม่มีการล้อจากเพื่อนผู้ชายจนต้องเดินหลังโก่งเสียบุคลิกเหมือนเมื่อก่อน ที่สำคัญการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาอย่างถูกวิธี ยังเป็นการตัดทอนความสัมพันธ์ฉันชู้สาวในวัยเรียนได้เป็นอย่างดี จึงอยากให้สถานศึกษาและชุมชนเปิดกว้าง ยอมรับ เข้าใจวิธีการเรียนการสอนในลักษณะนี้ว่าส่งผลดีต่อสังคมแน่นอน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์