สสส. แนะนำการปรับสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เพิ่มระยะห่างทางสังคม
ที่มา : ไทยโพสต์
ภาพประกอบจาก สสส.
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั่วประเทศไทย ทำให้มีคนจำนวนมากมีความเสี่ยงติดเชื้อจากฝอยละอองน้ำลาย หรือการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างผู้ติดเชื้อโควิด รวมถึงผู้ติดเชื้อบางรายที่ยังไม่แสดงอาการ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พยายามสื่อสารรณรงค์ให้ประชาชนงดเว้นการทำกิจกรรมทางสังคมที่มีคนชุมนุมกันมากๆ และระมัดระวังในการพบปะผู้อื่นโดยควรทิ้งระยะห่าง 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ข้างนอกบ้าน ไปจนถึงการรณรงค์ให้ทำงานที่บ้าน งดการเดินทาง โดยให้ยึดหลัก Social distancing หรือการเว้นระยะห่างทางสังคม ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคจากผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ใช้ศักยภาพด้านการสื่อสารสร้างความเข้าใจต่อสังคม เรื่อง Social distancing ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขภายใต้ #ไทยรู้สู้โควิด ซึ่งได้เปิดช่องเผยแพร่ข้อมูลทั้งทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งการปฏิบัติตัว การป้องกัน การแพร่เชื้อ ฯลฯ ขณะนี้ สสส.เพิ่มความเข้มข้นการสื่อสารสร้างความตระหนักความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ลดความตื่นตระหนก โดยเฉพาะทำความเข้าใจประเด็นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดการแพร่ระบาด โดย สสส.ได้ปรับแผนการดำเนินงานทั้ง 15 แผนงาน เพื่อสนับสนุนการทำงานโควิดแล้ว
นอกจากนี้ พื้นที่ภายในอาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะหลังจากที่มีการปรับสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เพิ่มระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่โรงอาหารชั้น 1 ลิฟต์โดยสาร ร้านน้ำชื่นใจซึ่งเป็นพื้นที่เปิดที่บุคคลทั้งภายในองค์กรและบุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. ออกแบบพื้นที่ตามแนวคิด social distancing
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 สธ.ประ กาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดอันตราย เพราะมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง และมีผู้ติดเชื้อโรคดังกล่าวเป็นจำนวนมากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ร่วมกับ สสส. ดำเนินการออกแบบพื้นที่ตามแนวคิด social distancing ถือเป็นแนวปฏิบัติในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ลดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน เช่น การสัมผัส การพูดคุย มีการจำกัดการรวมตัวของคนจำนวนมาก
สำหรับการออกแบบพื้นที่ตามแนวคิด social distancing และ 10 วิธีต้าน COVID-19 ประกอบด้วย อย่าจัดหรือเข้าร่วมการประชุมหรือการชุมนุมขนาดใหญ่ ลองเผชิญหน้ากับสังคมที่มีคนน้อย, หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนและสถานการณ์ใดๆ ที่มีแนวโน้มดึงดูดคนจำนวนมาก เปลี่ยนกำหนดการให้ห่างจากชั่วโมงเร่งด่วน, ระวังการใช้สิ่งของสาธารณะและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่คนอื่นสัมผัส เมื่อเจอสถานการณ์ที่ต้องสัมผัสบ่อยให้ล้างมือทันที, อย่าไปในสถานที่ที่จำเป็น เช่นร้านขายของชำ หรือห้องซักรีด รวมในช่วงเวลาเร่งด่วน เลือกไปในเวลาทำงานหรือเช้าตรู่แทน
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า วิธีต่อมาอย่าไปสถานที่ทำงาน โรงเรียน โรงภาพยนตร์ กิจกรรมกีฬา หรือพื้นที่ผสมอื่นๆ ใช้การสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตเรียนทางไกลแทน, อย่ากอดหรือจูบ ให้เปลี่ยนพฤติกรรมการสร้างสายสัมพันธ์, หลีกเลี่ยงพื้นที่ในห้องที่แออัด หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ต้องเข้าไปในสถานที่ปิด, หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการโต้ตอบอย่างใกล้ชิด เว้นระยะห่างการสื่อสารต่างๆ ที่เหมาะสม, อย่าเข้าใกล้คนอื่นมากเกินไป เว้นระยะ 6 ฟุต เลี่ยงการกระจายของเชื้อโรค วิธีสุดท้ายกักตัวให้อยู่ในบ้านมากที่สุดจะลดโอกาสติดโรคน้อยลง เมื่อไม่ได้ออกไปข้างนอก
"แนวปฏิบัติการรักษาระยะห่างทางสังคมมีการอ้างอิงศาสตร์การออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งแนะนำให้เว้นระยะห่างประมาณ 2 เมตรระหว่างบุคคล เพราะโรคโควิด-19 ติดต่อกันทางอาการไอ จาม เสมหะ ละอองฝอยระยะแพร่เชื้อไม่เกิน 2 เมตร การอยู่ห่างกันจะทำให้ปลอดภัย ทั้ง 10 วิธีหากองค์กรตลอดจนประชาชนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวด ชัดเจนและกวดขันจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค เป็นแนวทางรับมือที่ดีในปัจจุบัน
เบื้องต้นทาง สสส.จะสนับสนุนแนวทางนี้ให้กับโรงพยาบาลเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและประชาชนที่ต้องอยู่ในกลุ่มคนจำนวนมากเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรค ซึ่งแนวทาง social distancing มีข้อมูลยืนยันได้ผลลดการเสี่ยงแพร่ระบาด อย่างที่ประเทศจีนก็ใช้วิธีนี้ในช่วงเกิดโรคโควิดแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันตัวเองที่รณรงค์ให้ความรู้ก่อนหน้านี้ กินร้อน ช้อนกลาง ที่เป็นช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยก็ต้องไม่ละทิ้ง" ดร.นพ.ไพโรจน์กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ สสส.ได้นำแนวคิดการออกแบบพื้นที่ตามแนวคิด social distancing แปลงข้อมูลจัดทำในรูปแบบอินโฟกราฟฟิกเพื่อสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจง่าย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือ โรงพยาบาล ฯลฯ นอกจากนี้ ได้จัดทำคลิปวิดีโอป้องกันตัวจากโรคโควิด-19 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย และกำลังเตรียมแคมเปญใหญ่เกี่ยวกับโรคโควิด เนื่องจากเป็นปัญหาหลัก สสส.วางมือจากงานอื่นมาร่วมต่อสู้กับโรคระบาดใหม่นี้เคียงข้างหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ เน้นสื่อสารข้อมูลที่น่าเชื่อถือ โดยใช้แฮชแท็ก #ไทยรู้สู้ โควิด เป็นงานหนักและงานเร่งด่วน.