สสส.เตรียมขับเคลื่อนพ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัย

เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน

 

 

            9 องค์กรแรงงานแฉสถานการณ์ผู้ใช้แรงงานไทย บาดเจ็บ 200,000 ราย/ปี เรียกร้องสภาออกกฎหมายตั้งสถาบันคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงาน ด้านกมธ.เล็งหาทางออก ใช้รูปแบบองค์กรอิสระ เชื่อส่งผลดีต่อชีวิตแรงงาน เน้นการป้องกันมากกว่าเยียวยา

สสส.เตรียมขับเคลื่อนพ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัย 

            เมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่รัฐสภา นายบัณฑิต แป้นวิเศษ ตัวแทนเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรแรงงาน 9 แห่ง ประกอบด้วย สภาเครือข่ายผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายชุมชนแรงงานกรุงเทพฯ เครือข่ายปฏิบัติการเพื่อแรงงานข้ามชาติ เครือข่ายเกษตรพันธสัญญา เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านแรงงาน และเครือข่ายนักวิชาการด้านแรงงาน ยื่นหนังสือถึงนายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. … เพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยฯ ในฉบับของคณะกรรมาธิการ

 

            นายบัณฑิต กล่าวว่า ร่างกฎหมายความปลอดภัยฯ จะถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยให้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันมีแรงงานที่เจ็บป่วยจากการทำงานถึงปีละ 200,000 คน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะมีการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยฯ ที่เน้นทำงานด้านการป้องกันความปลอดภัยเพื่อลดการบาดเจ็บจากการทำงานและลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพของแรงงานไทยลงได้ ซึ่งในร่างของคณะกรรมาธิการฯได้ให้สถาบันความปลอดภัยดังกล่าวอยู่ในรูปขององค์กรมหาชน เพื่อให้เกิดความอิสระและคล่องตัวในการทำงาน อย่างไรก็ตามจากประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 กันยายน ซึ่งได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยฯ ในวาระ 2-3 กลับพบว่า ยังไม่มีการลงมติเห็นชอบในร่างกฎหมายดังกล่าวเพราะที่ประชุมไม่ต้องการให้อยู่ในรูปขององค์กรมหาชน ในหมวด 6/1 จึงให้กรรมาธิการฯกลับไปหารือใหม่ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งทางเครือข่ายองค์กรแรงงานเห็นร่วมกันว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถตัดหมวด 6/1 ออกไปได้ โดยเฉพาะในมาตรา 51/1 ที่กำหนดให้สถาบันดังกล่าว เป็นองค์กรอิสระในรูปแบบองค์กรมหาชน เพราะเกรงว่า การตัดเนื้อหาในส่วนนี้จะขาดเจ้าภาพที่ชัดเจนในการทำงาน และขาดความเป็นอิสระในการจัดการด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่เครือข่ายแรงงานขับเคลื่อนมานานกว่า 13 ปีแล้ว จึงขอเสนอให้ให้คณะกรรมาธิการฯคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายตามเดิม

 

            จากนั้นได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. … โดยนายวรวิทย์ เจริญเลิศ คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีข้อสรุปว่า ทุกฝ่ายเห็นด้วยที่ควรจะมีสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย แต่การนำเรื่ององค์กรมหาชนเข้าไปจะทำให้เสียงส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ จึงจะไม่พูดในเรื่องขององค์กรมหาชน จึงได้นำรูปแบบของร่างกฎหมายฉบับที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เสนอ เป็นต้นแบบในการยกร่าง ซึ่งจะใกล้เคียงกับที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานเรียกร้อง โดยมีรูปแบบคือ การเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้การกำกับของกระทรวงแรงงาน โดยมีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ภาครัฐ นายจ้าง ลูกจ้าง และเครือข่ายผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการทำงาน ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อแรงงานไทย คือ การเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และเป็นองค์กรที่ทำงานเชิงป้องกันเป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาเน้นที่การเยียวยาผู้ใช้แรงงานเมื่อได้รับผลกระทบแล้วเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย ซึ่งมีงบประมาณสนับสนุนของตนเอง จะทำหน้าที่ป้องกันผลกระทบที่เกิดจากความไม่ปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งทำการศึกษาวิจัย พัฒนามาตรฐานด้านความปลอดภัย และการจัดฝึกอบรมทำศูนย์ข้อมูลเรื่องความปลอดภัย

 

 

 

 

 

ที่มา: สำนักข่าว สสส.

 

 

Update:06-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code