สสส. เครือข่ายครอบครัว หารือผลการเสนอคลิปรุนแรง

สสส. เครือข่ายครอบครัว หารือผลการเสนอคลิปรุนแรง

 

               นักวิชาการชี้ ไทยเข้าสู่ยุคใหม่กลายเป็นสังคมอาชญากรรมออนไลน์ ผลิตเองเผยแพร่เอง หมอร้องคลิปรุนแรงทำลายสังคม ทำร้ายเด็ก ยันยิ่งเสนอซ้ำๆ เด็ก-ผู้หญิง-คนอ่อนไหว ได้รับผลกระทบทันที ใช้ความรุนแรงกับคนอื่นหรือทำร้ายตัวเอง เหตุเด็กไทยวุฒิภาวะใช้สื่อต่ำ นั่งเซิร์ทแต่คลิปลามก  จิตแพทย์ แนะต้องมีการควบคุมสื่อ

 

               ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน ร่วมกับเครือข่ายครอบครัว จัดเสวนา สังคมได้อะไรจากการนำเสนอคลิปรุนแรง โดย นายธาม สายเชื้อ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม (มีเดีย มอนิเตอร์) กล่าวว่า ขณะนี้สังคมเข้าสู่ยุคการหลอมรวมสื่อ (Crimes Convergence) ทุกประเภทเข้าด้วยกัน ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทุกคนเข้าถึงได้ง่ายมาก โดยเฉพาะการถ่ายคลิปวิดีโอ ถือเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่นิยมและเปลี่ยนแปลงกระบวนการสื่อสาร คือ ผู้รับสารเป็นผู้ผลิตเนื้อหาข้อมูลข่าวสารเอง และเผยแพร่สารนั้นเอง โดยคลิปที่มีการค้นหาในอินเตอร์เน็ตมากที่สุด คือ คลิปลามก โป๊ คลิปแอบถ่าย คลิปข่าวอาชญากรรม คลิปขำขัน คลิปข่าว

 

               นายธาม กล่าวอีกว่า ยุคการหลอมรวมสื่อ มีองค์ประกอบ 11 ปัจจัย  คือ 1.การพัฒนาคอมพิวเตอร์ 2.โทรศัพท์มือถือ 3.โลกการสื่อสารและพื้นที่บนอินเตอร์เน็ต 4.ช่องทางสื่อสารที่เปิดกว้างและหลากหลาย 5.กล้องดิจิตอล กล้องวงจรปิด 6.การสนทนาในสังคมอินเตอร์เน็ต 7.คำที่ถูกให้ความสนใจค้นหา มีแต่ด้านลบ เช่น โป๊ แอบถ่าย ดารา 8.ความสามารถในการใช้สื่อ  9.การแบ่งปันในสังคมอินเตอร์เน็ต 10.สังคมอินเตอร์เน็ต 11.อาชญากรรม เมื่อทุกอย่างถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันก็จะกลายเป็นอาชญากรรมออนไลน์  เนื่องจากเด็กไทยไม่มีวุฒิภาวะในการใช้สื่อ แต่มีความสามารถในการแบ่งปันข้อมูลกันสูง ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา

 

               สภาพปัญหาความรุนแรงทางสังคมเกิดขึ้นจาก 1.การฉายซ้ำความรุนแรง 2.การนำเสนอความจริง 3.ระดับการเซ็นเซอร์ตัวเอง 4.ทิศทางการนำเสนอข่าว  5.จริยธรรมในการนำเสนอข่าว ที่ต้องมีการมาตรการหลักป้องกันและควบคุม ให้นำเสนอในกรอบที่พอดี เพราะการนำเสนอถี่ๆ ซ้ำๆ ไม่ได้ทำให้ความจริงที่เกิดขึ้น ในสังคมเปลี่ยนแปลง แต่ทำให้ความรู้สึกของคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความชาชินกับความรุนแรงเห็นเป็นเรื่องปกตินายธาม กล่าว

 

               นพ.กมล แสงทองศรีกมล กุมารเวชเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลกรุงเทพ  กล่าวว่า มีวิจัยว่า หากเห็นฉากซ้ำๆ และเต็มไปด้วยความรุนแรง ผู้ที่ได้รับผลกระทบทันทีคือ กลุ่มเด็กเล็ก  และกลุ่มคนมีความหวั่นไหวทางอารมณ์ หรือ พฤติกรรมซึมเศร้า  ซึ่งกลุ่มเด็กเล็กจะตอบสนองต่อความรุนแรงทันที โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดของผู้อื่น เพราะเด็กไม่มีวุฒิภาวะที่จะไตร่ตรอง ส่วนกลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้า พร้อมที่จะกระทำความรุนแรงซ้ำกับสิ่งที่เห็นทันที เช่น การฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง  สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องความรุนแรงในเพศหญิง ที่มีแนวโน้มการเกิดความรุนแรงมากขึ้น 

 

            สื่อมีหน้าที่นำเสนอ แต่ทุกครั้งที่มีการนำเสนอความรุนแรงซ้ำๆ จะเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดอารมณ์ร่วม แต่จะไม่นำเสนอเลยก็ไม่สามารถทำได้ จึงต้องควบคุมการนำเสนออย่างพอดี จำต้องเปลี่ยนแปลงการสอนจริยธรรมในระบบการศึกษาใหม่ ที่ปัจจุบันเป็นการสอนแบบท่องจำ เด็กไม่เข้าใจและไม่สามารถซึมซับได้ ซึ่งไม่ทำให้สังคมดีขึ้นนพ.กมล กล่าว

 

นายพัชระ สารพิมมา อุปนายกฝ่ายวิชาการ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  กล่าวว่า เมื่อกลางปี 2552 เพิ่งมีการตั้งสภาวิชาชีพ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล โดยจะยกร่างข้อปฏิบัติ ขอบเขตการนำเสนอข่าว หากมีการกระทำเกินข้อตกลง ก็สามารถร้องเรียนเอาผิดได้ โดยสมาคมฯพยายามดูแลเรื่องจรรยาบรรณความเป็นมืออาชีพ เกี่ยวกับการนำเสนอข่าวให้อยู่ในขอบเขต แต่หากไม่มีการนำเสนอเลย สังคมจะไม่มีตัวอย่างให้เห็นว่าสิ่งใดถูกหรือผิด

 

น.ส.นรีลักษณ์ ประดับศิลป์  ตัวแทนเยาวชน กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงมาจากครอบครัว พ่อแม่ ตบตี ทะเลาะ กันให้ลูกเห็น จนเกิดความเคยชินว่าเป็นเรื่องธรรมดา และทำให้ติดการใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาชีวิต และการใช้กำลังหรือการตบ ตี กัน ในช่วงชีวิตมัธยม ถือเป็นเรื่องปกติมากและเกิดขึ้นมานานแล้ว โรงเรียนบางแห่งมีเรื่องทะเลาะ ตบตี กันเกือบทุกวัน และไม่อยากให้สื่อเหมารวมว่าเป็นเรื่องของการแย่งผู้ชาย อาจจะเป็นความไม่พอใจเรื่องอื่นแค่เล็กๆน้อยๆ แต่ด้วยความเป็นเด็กทำให้ตัดสินปัญหาแบบผิดๆเท่านั้น

 

 

 

 

 

ที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

 

 

Update: 01-10-52

อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

 

Shares:
QR Code :
QR Code